บมจ. สตีล อินเตอร์เทค (STEEL)เปิดเผยว่า โครงการสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่บริษัทฯ จะทำการพัฒนาในอนาคต บริษัทฯ มีแผนที่จะหาแหล่งเงินทุนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ผู้ร่วมทุน เงินกู้จากสถาบันการเงิน หรือแหล่งเงินอื่นๆ ที่บริษัทฯ เห็นว่าอยู่ภายใต้เงื่อนไขและระยะเวลาที่เหมาะสม รวมทัง้ ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่บริษัทฯ และผู้ถือหุ้นในระยะยาว
ทั้งนี้ บริษัทได้เปิดเผยรายละเอียดสารสนเทศที่เกี่ยวกับการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของ บริษัทย่อย 3 บริษัท ของบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จำกัด (SPC) กล่าวคือ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (บุรีรัมย์ 2) จำกัด(SPBR2) บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 3) (SPKR3) และ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 4) จำกัด (SPKR4) รวมกันเรียกว่าบริษัทย่อย 3 บริษัท รวมทัง้ บริษัท โซล่าเพาเวอร์ (ขอนแก่น 1) จำกัด (SPKK1)
สินทรัพย์ทั้งหมดคือสินทรัพย์สำหรับการดำเนินธุรกิจพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จำนวน 4 โครงการ โดยบริษัทย่อย 3 บริษัทจะใช้เงินจากการขายหุ้นของบริษัทฯ แบบเฉพาะเจาะจงในราคาที่ไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90.0 ของราคาตลาด ที่บริษัทได้จัดสรรให้กับ บริษัท ไทยฟ้า เพาเวอร์ จำกัด
บริษัทฯ จะใช้แหล่งเงินทุนดังกล่าวในการปล่อยกู้แก่ SPC เพื่อให้ SPC จะได้นำเงินกู้ดังกล่าวไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัทย่อยทัง้ 3 บริษัท จำนวนทั้งสิน 107,000,000 บาท ต่อบริษัท หรือคิดเป็นมูลค่ารวม 321,000,000 บาท
อย่างไรก็ดี บริษัทย่อย 3 บริษัท จะหาผู้ร่วมทุนเข้าลงทุนในสัดส่วนประมาณร้อยละ 49.0 ในแต่ละบริษัท รวมทัง้ SPC จะหาแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อพัฒนาโครงการให้เสร็จสิ้นต่อไป ซึ่งผู้ร่วมทุนอีกร้อยละ 49.0 นั้น บริษัทฯ อยู่ระหว่างการเจรจาอยู่กับผู้ร่วมทุนจำนวนหลายราย
บริษัทฯ คาดว่าผู้ร่วมทุนดังกล่าวจะมีอย่างน้อย 2 ราย ซึ่งประกอบด้วยบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่และประกอบธุรกิจด้านพลังงาน รวมทั้ง มีความสนใจการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน บริษัทฯเห็นว่าการเข้าร่วมทุนของบริษัทจดทะเบียนดังกล่าวนั้น จะช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ธุรกิจของบริษัทฯ โดยบริษัทฯ สามารถแลกเปลี่ยนความรู้ ความสามารถ และความเชี่ยวชาญ ด้านธุรกิจพลังงานกับบริษัทจดทะเบียนดังกล่าว อีกทั้ง การเข้าร่วมทุนโดยบริษัทจดทะเบียนที่มีขนาดใหญ่ดังกล่าวจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ให้แก่บริษัทฯอีกด้วย
และ บริษัท ไทยฟ้า ซึ่งเป็นบริษัทขนาดใหญ่ และประกอบธุรกิจด้านพลังงาน มีความสนใจในการลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทน การเข้าร่วมทุนของไทยฟ้าจะช่วยส่งเสริมความแข็งแกร่งด้านการเงินให้แก่บริษัทในระยะยาว เนื่องจากไทยฟ้ามีความสนใจในธุรกิจพลังงานทดแทนเป็นอย่างมากและได้แสดงเจตจำนงที่จะลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทฯ ในอนาคตอีกด้วย ซึ่งบริษัทคาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาร่วมทุนภายในไตรมาส 3/54 และจะชำระมูลค่าหุ้นภายในไตรมาส 4/54
กำหนดการดังกล่าวเป็นไปตามตารางการก่อสร้างโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของบริษัทย่อย 3 บริษัท โดย SPKK1 นั้น SPC ได้ซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน SPKK1 เมื่อ 9 เม.ย.54 จำนวน 18,890,000 หุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ที่ 10 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 188,900,000 บาท โดยในอนาคต SPKK1 จะหาผู้ร่วมทุนเข้าลงทุนประมาณร้อยละ 30.0 รวมทั้ง SPC จะหาแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อพัฒนาโครงการให้เสร็จสิน้ ต่อไป
สำหรับผู้ร่วมทุนอีกร้อยละ 30.0 บริษัทได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่าเป็นไทยฟ้า โดยคาดว่าจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน SPKK1 จำนวน 5,670,000 หุ้น ในราคาพาร์ 10 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็น 56,700,000 บาท คาดว่าจะมีการเซ็นสัญญาร่วมทุนกับบริษัทไทยฟ้าภายในไตรมาส 2/54 และจะชำระมูลค่าหุ้นภายในไตรมาส 3/54