บมจ.น้ำตาลขอนแก่น (KSL) และบริษัทย่อยขอชี้แจงผลการดำเนินงานไตรมาส 2/54 (กุมภาพันธ์-เมษายน 2554) บริษัทมีกำไรสุทธิ 551.05 ล้านบาท และเมื่อเทียบกับผลการดำเนินงานของไตรมาส 2/53 มีกำไรสุทธิ 77.38 ล้านบาท บริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 473.67 ล้านบาท
สาเหตุหลักที่กำไรในไตรมาส 2/54 เพิ่มขึ้นมาจากราคาเฉลี่ยขายน้ำตาลทรายขาวต่างประเทศ ปรับเพิ่มขึ้นร้อยละ 20 บริษัทรับรู้ผลขาดทุนจากการเข้าทำสัญญาอนุพันธ์น้ำตาล เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาน้ำตาลตลาดโลกลดลง จาก 645.40 ล้านบาทในไตรมาส 2/53 เป็น 49.85 ล้านบาทในไตรมาส 2/54
และ บริษัทรับรู้ผลกำไรเพิ่มขึ้นจากธุรกิจน้ำตาลต่างประเทศ โครงการลาวและกัมพูชา โดยมีปริมาณขายน้ำตาลเพิ่มขึ้นจาก10,000 ตันในไตรมาส 2/53 เป็น 33,000 ตันในไตรมาส 2/54 รวมทั้งปริมาณการขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ เพิ่มสูงขึ้นจาก 40,403 MW-HR ในไตรมาส 2/53 เป็น 54,147 MW-HR ในไตรมาส 2/54 สืบเนื่องจากการเดินเครื่องจักรของโครงการพลังทดแทนบ่อพลอย เฟส 1
อนึ่ง เนื่องจากกากน้ำตาล ซึ่งเป็นผลพลอยได้จากการผลิตน้ำตาลทราย มีราคาปรับสูงขึ้นมากเมื่อเทียบกับราคาในอดีต ทำให้ธุรกิจกากน้ำตาลมีนัยสำคัญต่อดำเนินงาน โดยในไตรมาส 4/53 บริษัทมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายการบันทึกต้นทุนกากน้ำตาล ในงบการเงินประจำปี 53 ซึ่งจากเดิมแสดงมูลค่าด้วยมูลค่าสุทธิที่จะได้รับถัวเฉลี่ย เปลี่ยนเป็นการแสดงในราคาทุนหรือมูลค่าสุทธิที่จะได้รับแล้วแต่ราคาใดจะต่ำกว่า เช่นเดียวกับผลิตภัณฑ์หลัก(น้ำตาลทราย) ส่งผลให้บริษัทต้องปรับงบการเงินของไตรมาส 2/53 ย้อนหลัง (จากเดิมที่กำไรสุทธิ 101.40 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 77.38 ล้านบาท) โดยถือเสมือนว่าได้มีการนำนโยบายบัญชีใหม่มาใช้