SITHAI ถือหุ้นเพิ่มบ.ย่อยในอินเดียเป็น 85%,ขายหุ้น 2บ.ร่วมทุน 36.5 ลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday June 16, 2011 09:07 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์(SITHAI) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 15 มิ.ย.54 มีมติอนุมัติให้บริษัทฯเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน Srithai Superware India Limited และขายหุ้นในบริษัทสองแห่ง ได้แก่ บริษัท ทาคาฮาชิ โคราช (1995) จำกัด และบริษัท ทาคาฮาชิ พลาสติก จำกัด

การเพิ่มสัดส่วนการลงทุนใน Srithai Superware India Limited (SSI) ดำเนินธุรกิจซื้อมาขายไปในประเทศอินเดีย โดยนำเข้าสินค้าประเภทจาน ชาม และเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารที่ทำจากเมลามีนมาจัดจำหน่ายในระบบขายตรงทุนจดทะเบียน 50 ล้านรูปี ซึ่ง ณ วันที่ 31 ธ.ค.53 ได้เรียกชำระทุนบางส่วน และได้จดทะเบียนแล้วจำนวน 25 ล้านรูปี

ทั้งนี้ บริษัทฯเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ร้อยละ 70.0 ส่งผลให้ SSI มีสถานะเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ โดยสัดส่วนการถือหุ้นที่เหลืออีกร้อยละ 30.0 เป็นการถือหุ้นโดยพันธมิตรทางการค้าในประเทศอินเดียของบริษัทฯสองราย แต่เนื่องจากผู้ถือหุ้นในอินเดียทั้งสองรายมีความประสงค์จะไม่ชำระทุนที่ SSI เรียกชำระเพิ่มอีก 25 ล้านรูปี ตามสัดส่วนการถือหุ้น คิดเป็นเงินจำนวน 7.5 ล้านรูปี และเปิดโอกาสให้บริษัทฯเข้าลงทุนแทนได้

ประกอบกับสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลให้บริษัทฯมีความคล่องตัวและอิสระในการบริหารงานและการขยายธุรกิจของ SSI ให้สอดคล้องกับนโยบายธุรกิจหลักของบริษัทฯมากขึ้นจำนวนเงินที่ลงทุนเพิ่ม 7.5 ล้านรูปี โดยใช้กระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ดังนั้น ภายหลังการลงทุนเพิ่มแทนผู้ถือหุ้นทั้งสองราย สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯใน SSI จะเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 70.0 เป็นร้อยละ 85.0 และมีสถานะเงินลงทุนเป็นบริษัทย่อยไม่เปลี่ยนแปลง

ส่วนการขายหุ้นในบริษัทสองแห่ง เป็นหุ้นสามัญในบริษัท ทาคาฮาชิ โคราช (1995) จำกัด (TKL) และ บริษัท ทาคาฮาชิ พลาสติก จำกัด (TPL) ซึ่งบริษัทฯถือหุ้นใน TKL จำนวน 285,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 19.0 และถือหุ้นใน TPL จำนวน 66,000 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 3.0 โดยเงินลงทุนใน TKL และ TPL ของบริษัทฯมีสถานะเป็นบริษัทร่วมและเงินลงทุนระยะยาวอื่นทั่วไป

เนื่องจากผู้ถือหุ้นรายหนึ่งของ TKL และ TPL ซึ่งไม่มีความสัมพันธ์ในลักษณะที่เกี่ยวโยงกันกับบริษัทฯ ได้ยื่นข้อเสนอซื้อหุ้นจากผู้ถือหุ้นทุกรายของ TKL และผู้ถือหุ้นจำนวน 2 ราย จากทั้งหมด 5 ราย ของ TPL เหตุผลในการขายเพราะ TKL และ TPL ประสบผลขาดทุนอย่างมาก ดังนั้น ด้วยข้อเสนอซื้อหุ้นที่บริษัทฯได้รับ บริษัทฯพิจารณาเห็นว่า เป็นโอกาสอันดีที่จะปลดภาระและลดความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตในฐานะผู้ถือหุ้นของทั้งสองบริษัท อีกทั้งบริษัทฯสามารถนำเงินที่ได้จากการขายหุ้นไปใช้ในการลงทุนในธุรกิจหลักของ ซึ่งบริษัทฯจะได้รับเงินจากการขายหุ้นจำนวน 36.5 ล้านบาท

ทั้งนี้ แม้ว่าบริษัทฯไม่ได้แต่งตั้งที่ปรึกษาทางการเงินเพื่อร่วมประเมินราคาขาย เนื่องจากมูลค่ากิจการไม่ได้เป็นนัยสำคัญต่องบการเงินของบริษัทฯ แต่ราคาขายดังกล่าวก็สูงกว่ามูลค่ากิจการตามบัญชี ณ วันที่ 31 มีนาคม พ.ศ. 2554 การขายหุ้นในสองบริษัทส่งผลให้บริษัทฯรับรู้ผลกำไรจากการจำหน่ายเงินลงทุนในงบกำไรขาดทุนเบ็ดเสร็จ ไตรมาส 2/54


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ