ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ (TTA) แจ้งว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 54 มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท จากกำไรสะสม
บริษัทจะจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นที่มีรายชื่อปรากฎอยู่ในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 5 กรกฎาคม 54 เป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) ที่มีสิทธิรับเงินปันผล และกำหนดให้วันที่ 6 กรกฎาคม 54 เป็นวันปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นเพื่อการรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้น ตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 18 กรกฎาคม 54
จากการที่บริษัทฯ ได้มีการหารือกับผู้ถือหุ้น กอปรกับเงินกำไรสะสม การวิเคราะห์กลยุทธ์ทางธุรกิจ ซึ่งจะไม่มีแผนการลงทุนที่สำคัญในอนาคตอันใกล้ บริษัทฯ จึงสามารถจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นทุกรายได้ ภายหลังจากการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลแล้ว บริษัทฯ จะยังคงมีเงินสดในมือเพียงพอสำหรับการดำเนินกิจการ รวมถึงความสามารถในการชำระหนี้สินตามภาระผูกพันต่างๆ ได้
พร้อมกันนั้น คณะกรรมการได้พิจารณาว่าไม่จำเป็นต้องเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นตามที่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ รวม 75 รายร้อง ขอ เนื่องจากหุ้นที่กลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ดังกล่าวถืออยู่รวมกันนั้น มีจำนวนไม่ถึงร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่ชำระแล้วของบริษัทฯ
ทั้งนี้ ภายหลังจากที่บริษัทได้รับหนังสือจากกลุ่มผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จำนวน 75 ราย ขอให้บริษัทเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น และบริษัทได้ขอให้ศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ ออกบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ณ วันที่ 27 พฤษภาคม 54 และ วันที่ 2 มิถุนายน 54 และบริษัทได้ตรวจสอบบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นดังกล่าวโดยการเปรียบเทียบชื่อและจำนวนหุ้นแล้ว และพบว่ามีบางรายชื่อที่ไม่ได้ปรากฎเป็นผู้ถือหุ้นตามบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้นของศูนย์รับฝากหลักทรัพย์ และผู้ถือหุ้นบางรายมีจำนวนหุ้นน้อยกว่าที่ระบุไว้ในหนังสือจากกลุ่มผู้ถือหุ้น
หลังจากนั้น มีผู้ถือหุ้นบางรายได้ยื่นหนังสือต่อคณะกรรมการของบริษัทเพื่อถอนชื่อออกจากกลุ่มผู้ถือหุ้นที่ร้องขอให้มีการจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้น กลุ่มผู้ถือหุ้นกลุ่มนี้จึงมีจำนวนหุ้นนับรวมกันและมีอัตราส่วนการถือหุ้นไม่ถึงร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่ออกแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ
นอกจากนี้คณะกรรมการได้พิจารณาวาระการประชุมที่กลุ่มผู้ถือหุ้รดังกล่าวเสนอมาดังกล่าวอย่างรอบคอบ และมีความเห็นว่าไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ที่เป็นรูปธรรมที่สำคัญต่อบริษัทฯ หรือผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ โดยได้ข้อสรุปได้ว่าข้อเสนอให้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ในอัตราใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยต่อหุ้นทุกๆ 4 หุ้นโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย อายุ 2 ปี และราคาแปลงสภาพที่ 25 บาท มูลค่าแฝงของหุ้นปัจจุบันจะเท่ากับหุ้นละ 0.29 บาท
เมื่อคำนวณจากมูลค่าของใบสำคัญแสดงสิทธิตามทฤษฎีที่หน่วยละ 1.15 บาท มูลค่านี้คำนวณโดยใช้สมมุติฐานหลายอย่างซึ่งรวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่ปราศจากความเสี่ยง ความผันผวนของหุ้น อัตราเงินปันผล ราคาหุ้น และจำนวนหุ้นที่ออกแล้ว ณ ปัจจุบัน ในแง่ของผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น ผู้ถือหุ้นสามารถขายใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นก่อนหมดอายุและได้รับเงินสด เนื่องจากใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นอยู่ภายใต้เงื่อนไขการซื้อขายในตลาด ผลตอบแทนเป็นเงินสดจึงมีความผันผวนสำหรับผู้ถือหุ้นมากกว่าในกรณีการจ่ายเงินปันผลในรูปเงินสดตามปกติ
ส่วนผลประโยชน์ที่บริษัทฯ จะได้รับจากการออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นมีความไม่แน่นอน เนื่องจากไม่มีการเพิ่มทุนเข้ามาในบริษัทฯ จำนวนทั้งสิ้นของใบสำคัญแสดงสิทธิคิดเป็นร้อยละ 20 ของทุนจดทะเบียนในอนาคต ถ้ามีการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิทั้งหมดเป็นหุ้นของบริษัทฯ ซึ่งแสดงถึงการลดลงอย่างมีนัยสำคัญของอัตราส่วนกำไรต่อหุ้น นอกจากนี้ เนื่องจากหุ้นของบริษัทฯ มีสภาพคล่องสูงมาก บริษัทฯ จึงไม่จำเป็นต้องมีสภาพคล่องเพิ่มเติมจากการแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้น
สำหรับข้อเสนอการเปลี่ยนรอบปีบัญชีของบริษัทฯ จากเดิมเริ่มต้นในวันที่ 1 ตุลาคม และสิ้นสุดในวันที่ 30 กันยายนของทุกปี บริษัทได้ดำนเนการมาหลายสิบปี และบริษัทย่อยทั้งในและต่างประเทศ ได้ดำเนินการตามรอบปีบัญชีดังกล่าวเช่นกัน ซึ่งหากมีการเปลี่ยนแปลงรอบปีบัญชี อาจจกระทบต่อบริษัทย่อยที่ต้องจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นอนุมัติด้วย
ประกอบกับบริษัทฯ จะต้องเริ่มใช้มาตรฐานการบัญชีสากล (IFRS) ในรอบปีบัญปี 55 ซึ่งหากมีการเปลี่ยนรอบปีบัญชีเกิดขึ้น อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบในทางลบอย่างมีนัยสำคัญต่อรายงานทางการเงินของบริษัทฯ เนื่องจากรอบปีบัญชีใหม่ที่จะเริ่มนั้น จะมีระยะเวลาเพียงแค่ 3 เดือน สิ้นสุดเดือนธันวาคม 55