ม.ล. จันทรจุฑา จันทรทัต กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์(TTA) เปิดเผยว่า บมจ.เมอร์เมด มาริไทม์ ซึ่งลงทุนใน Asia Offshore Drilling Limited (AOD) รายงานว่า AOD ได้ประสบความสำเร็จในการเสนอขายหุ้นให้แก่บุคคลในวงจำกัด (private placement:PP) เป็นเงินจำนวน 80 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา ในภาวะที่การระดมเงินทุนในตลาด เป็นไปได้ยากมาก แต่ AOD สามารถจะออกหุ้นใหม่จำนวน 20 ล้านหุ้นในราคาหุ้นละ 4 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา โดยการกำหนดราคาเสนอขายนี้มาจากวิธีการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ (book building)
เมอร์เมดได้เข้าซื้อหุ้นจำนวน 3,700,000 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 4 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา คิดเป็นเงินรวม 14.8 ล้านดอลลาร์ สหรัฐอเมริกา และจะถือหุ้นร้อยละ 33.75 ใน AOD หลังการเสนอขายหุ้นให้ PP (เมื่อเทียบกับร้อยละ 49 ก่อนการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้)
ขณะที่ Seadrill Limited (Seadrill) จะเข้ามาเป็นหุ้นส่วนใน AOD โดยถือหุ้น AOD ในสัดส่วนที่เท่ากันกับเมอร์เมด คือ ร้อยละ 33.75 โดยตกลงที่จะเข้าซื้อหุ้นจำนวน 13,500,100 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 4 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือเท่ากับเงินจำนวนรวม 54 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา
Seadrill ในฐานะพันมิตรรายใหม่ของเราจะมาช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับ AOD ในการทำธุรกิจให้บริการเรือขุดเจาะนี้ให้ดียิ่งขึ้น เนื่องจาก Seadrill ประสบความสำเร็จในฐานะเจ้าของและผู้ให้บริการเรือขุดเจาะ ปัจจุบัน มีฐานปฏิบัติการเรือขุดเจาะเฉพาะในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มากถึง 24 ลำ
"การมีพันธมิตรในเชิงกลยุทธ์ที่แข็งแกร่งอย่าง Seadrill ซึ่งเป็นผู้ให้บริการเรือขุดเจาะน้ำมันและก๊าซธรรมชาติชั้นนำของโลก จากนอร์เวย์มาร่วมลงทุนกับเมอร์เมด ถือเป็นอีกก้าวของความสำเร็จสำหรับ AOD และถือยังเป็นเครื่องยืนยันถึงความมุ่งมั่นทำงานหนัก การคิดอย่างมีวิสัยทัศน์ และการวางแผนงานอย่างมีกลยุทธ์ของเราอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน การระดมเงินทุนได้ถึง 80 ล้านเหรียญสหรัฐในเวลาที่สภาพตลาดมีความท้าทายเช่นนี้ถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของเรา ซึ่งภายในระยะเวลา 7 เดือนที่ผ่านมา AOD สามารถระดมเงินจากตลาดทุนได้ถึง 180 ล้านเหรียญสหรัฐ สิ่งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในระยะกลางของตลาดทุนที่มีต่อบริษัทที่ประกอบธุรกิจเรือขุดเจาะแบบ jack-up ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวสูงอย่างเช่น AOD" ม.ล. จันทรจุฑา กล่าว
ทั้งนี้ Seadrill เป็นบริษัทเรือขุดเจาะนอกชายฝั่งชั้นนำของโลก มีกองเรือขุดเจาะจำนวน 60 ลำ ประกอบด้วยเรือขุดเจาะแบบ jack-up 21 ลำ และเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กและในตลาดหลักทรัพย์ออสโล ซึ่งหุ้นของบริษัทมีมูลค่ารวมตามราคาตลาดมากกว่า 16,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา
การที่ Seadrill เข้ามาเป็นหุ้นส่วนเชิงกลยุทธ์ (strategic partner) ใน AOD คู่กับเมอร์เมด จะเป็นการสร้างรากฐานธุรกิจที่แข็งแกร่งให้กับ AOD เนื่องจาก Seadrill มีประวัติซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงในฐานะที่เป็นเจ้าของและผู้ปฏิบัติการเรือขุดเจาะ และในฐานะที่เป็นบริษัทที่เป็นมิตรกับผู้ถือหุ้น (shareholder friendly company)
ทั้งนี้ในปี 2553 Seadrill มีรายได้ 4,040.80 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา มีผลกำไรหลังหักภาษี 1,172 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา และมีเงินปันผลจ่ายที่เป็นเงินสดให้แก่ผู้ถือหุ้นจำนวน 990 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา และปัจจุบัน Seadrill มีเรือที่ให้บริการขุดเจาะอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 24 ลำ
AOD จะได้รับประโยชน์จากความเชี่ยวชาญของ Seadrill และจะมอบหมายให้ Seadrill รับผิดชอบในเรื่องการควบคุมดูแลงานก่อสร้าง การบริหารงานเชิงเทคนิคและเชิงพาณิชย์ของเรือขุดเจาะแบบ jack-up ของ AOD ทั้งหมดหลังจากมีการส่งมอบเรือจาก Keppel Seadrill จะเข้าถือหุ้นใน AOD อย่างเป็นทางการเมื่อการเจรจาสัญญาการบริหารจัดการ(management agreement) ระหว่าง Seadrill และ AOD เสร็จสิ้นลง AOD จะมีความแข็งแกร่ง และมีรากฐานที่แข็งแรงในการที่จะพัฒนาธุรกิจต่อไปในอนาคต
ทั้งนี้ AOD ได้ใช้สิทธิในการสั่งต่อเรือขุดเจาะแบบ jack-up ชนิด MOD-V B ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวสูงอีก 1 ลำ กับ Keppel ที่ราคา 184 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกาภายในระยะเวลาเจ็ดเดือน AOD ได้ระดมเงินทุนจำนวน 180 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา จากตลาดทุน แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของตลาดในการคาดการณ์ระยะกลางของบริษัทที่ประกอบธุรกิจเรือขุดเจาะแบบ jack-up ที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวสูงอย่างเช่น AOD
AOD ได้ดำเนินการขอนำหุ้น เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Oslo Excess (ประเทศนอร์เวย์) และคาดว่าจะจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ Oslo Excess ได้ภายในวันที่ 29 กรกฎาคม 2554
ทั้งนี้ มูลค่าที่เมอร์เมดลงทุนในหุ้นของ AOD ที่เสนอขายแก่บุคคลในวงจำกัดดังกล่าว คิดเป็นเงินจำนวน 14,800,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือคิดเป็นเงินไทยจำนวนประมาณ 453,472,000 บาท โดยใช้อัตราแลกเปลี่ยน 1 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เท่ากับ 30.64 บาท