พร้อมกันนั้นอนุมัติให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 127.592 ล้านบาท เป็น 618.763 ล้านบาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จำนวน 4,911.712 ล้านหุ้น เพื่อจัดสรรและเสนอขายต่อผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วน นักลงทุนเฉพาะเจาะจง และเพื่อรองรับการใช้สิทธิของผู้ถือใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ครั้งที่ 2
รายละเอียดการจัดสรรดังนี้ จัดสรรให้ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 3,533.784 ล้านหุ้น ในสัดส่วน 1 หุ้นเดิมต่อ 3 หุ้นเพิ่มทุน ในราคาขาย 0.55 บาทต่อหุ้น และจัดสรรให้นักลงทุนเฉพาะเจาะจง (PP)จำนวน 200 ล้านหุ้น ในราคาขาย 0.90 บาทต่อหุ้น โดยกำหนดจองซื้อและชำระเงินค่าหุ้น ในวันที่ 4-10 ตุลาคม 2554 และจัดสรรเพื่อรองรองการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิที่ออกให้ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 1,177.928 ล้านหุ้น ในสัดส่วน 1หุ้นเดิมต่อ1หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิ
ทั้งนี้ บริษัทจะออกใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทครั้งที่ 2 จำนวน 1,177.928 ล้านหน่วย ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทในอัตราส่วน หุ้นสามัญเดิม 1 หุ้นต่อใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วยในราคาเสนอขายที่ 0 บาท โดยมีราคาใช้สิทธิของใบสำคัญแสดงสิทธิเท่ากับ 0.50 บาทต่อหุ้น ที่มูลค่าที่ตราไว้ 0.10 บาทต่อหุ้น
กำหนดเรียกประชุมผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2554 ในวันที่ 7 กันยายน 2554 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเพื่อการเข้าร่วมประชุมวิสามัญครั้งที่ 1/2554 (XM) ในวันที่ 3 สิงหาคม 2554 (record date) และให้รวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นตามมาตรา 225 ของ พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 (รวมทั้งที่มีการแก้ไขเพิ่มเติม) โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนและพักการโอนหุ้นในวันที่ 4 สิงหาคม 2554 TSF แจ้งว่า บริษัทฯ ได้ลงนามในหนังสือแสดงความจำนงค์ (Letter of Intent) ในการซื้อหุ้นสามัญของ PICNI แล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการเจรจาข้อกำหนดและเงื่อนไขในบันทึกข้อตกลง (Memorandum of Understanding) ซึ่งขึ้นอยู่กับการตรวจสอบสถานะของกิจการ และ/หรือการได้รับการอนุมัติและความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ธนาคารผู้ให้สินเชื่อแก่บริษัทฯ และ PICNI และ/หรือศาลเกี่ยวกับเงื่อนไขในการชำระเงิน
บริษัทฯ จะลงทุนในหุ้นสามัญของ PICNI โดยประสงค์จะซื้อหุ้นสามัญของกิจการในสัดส่วนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 51 ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ภายหลังจากที่ได้รับอนุมัติการทำรายการจากที่ประชุมใหญ่วิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2554 ซึ่งจะจัดประชุมในวันที่ 7 กันยายน 2554 และบริษัทฯ ได้ดำเนินการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนเพื่อเสนอขายให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม(Right Offering) และนักลงทุนแบบเฉพาะเจาะจง (Private Placement) รวมถึงมีการดำเนินการต่าง ๆ ตามเงื่อนไขที่มีนัยสำคัญเบื้องต้นครบถ้วนแล้ว การเข้าทำรายการดังกล่าวคาดว่าจะดำเนินการได้ภายในเดือน ต.ค.54 และจะเตรียมการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ที่เหลือของ PICNI ต่อไป
TSF ระบุว่าการเข้าซื้อหุ้นของ PICNI ของบริษัทในครั้งนี้ ถือเป็นกลยุทธ์ก้าวสำคัญของบริษัทที่จะขยายธุรกิจเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งธุรกิจ จากธุรกิจในปัจจุบันคือ สื่อ โฆษณา และประชาสัมพันธ์ โดยการสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้น (Shareholders’ Wealth)เนื่องจาก PICNI มีความแข็งแกร่งในด้านชื่อเสียงทางด้านผลิตภัณฑ์สำหรับผู้บริโภคครัวเรือน ภายใต้ตราสินค้า “ปิคนิคแก๊ส” จึงทำให้สามารถเข้าถึงผู้บริโภคในกลุ่มนี้ได้ค่อนข้างดี ซึ่งในธุรกิจอุตสาหกรรม LPGรายได้ส่วนใหญมาจากการขายก๊าซปิโตรเลียมเหลวให้กับกลุ่มลูกค้าครัวเรือนที่ใช้ในการหุงต้มอาหารเกินกว่าร้อยละ 50
ดังนั้นความได้เปรียบทางด้านตราสินค้าย่อมส่งผลให้ผลประกอบการของกิจการในอนาคตย่อมมีอัตราการเติบโตทั้งในด้านรายได้และกำไร ซึ่งภายหลังจากการเข้าทำรายการดังกล่าวแล้ว PICNI จะดำเนินการออกจากแผนฟื้นฟูกิจการ เข้าสู่การดำเนินธุรกิจปกติ ย่อมทำให้สามารถบริหารงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลต่อไปในอนาคต