นายสุภัค ศิวะรักษ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย (CIMBT) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของธนาคารและบริษัทย่อย สำหรับงวด 6 เดือนสิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 มีกำไรสุทธิจำนวน 536.4 ล้านบาท ลดลง 177.6 ล้านบาท หรือ 24.9% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรพิเศษจากการขายอาคารสำนักงานใหญ่ที่สาทรในไตรมาส 1/2553 และกำไรจากการขายหุ้นในบริษัทย่อยในไตรมาส 2/2553 หากหักรายการเหล่านี้ออกแล้ว กำไรจะเพิ่มขึ้น 160% โดยธนาคารมีรายได้จากการดำเนินงานงวดครึ่งปี 2554 อยู่ที่ 3.2 พันล้านบาท ลดลง 115.3 ล้านบาท หรือ 3.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 145.0 ล้านบาท หรือ 6.8% จากการขยายสินเชื่อ ขณะเดียวกัน รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิเพิ่มขึ้น 164.4 ล้านบาท หรือ 48.4% ส่วนใหญ่มาจากค่าธรรมเนียมที่เกี่ยวข้องกับการให้สินเชื่อเพิ่มขึ้น ขณะที่รายได้จากการดำเนินงานอื่นลดลง 424.7 ล้านบาท หรือ 50.1% เนื่องจากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรจากรายการพิเศษการขายอาคารสำนักงานใหญ่ที่สาทร กำไรจากการไถ่ถอนเงินฝากที่มีอนุพันธ์แฝง และกำไรจากการขายหุ้นในบริษัทย่อย-บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ซีไอเอ็มบี-พรินซิเพิล จำกัด หากหักรายการพิเศษนี้ออก รายได้จากการดำเนินงานอื่นจะเพิ่มขึ้น 59.1% ส่วนเงินให้สินเชื่อสุทธิจากรายได้รอตัดบัญชีของกลุ่มธนาคารงวดครึ่งปี 2554 อยู่ที่ 101.7 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 8.4% เมื่อเทียบกับเงินให้สินเชื่อ ณิ สิ้นปี 2553 ส่วนใหญ่มาจากการขยายตัวของสินเชื่อรายย่อยและสินเชื่อเอสเอ็มอี ขณะที่ยอดเงินฝากและตั๋วแลกอยู่ที่ 115.2 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.8 พันล้านบาท หรือ 3.4% จากสิ้นปี 2553 ซึ่งมีจำนวน 111.4 พันล้านบาท จากการขยายตัวของสินเชื่อและเงินฝากข้างต้น ทำให้อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากรวมตั๋วแลกเงินของกลุ่มธนาคาร อยู่ที่ 88.3% ขณะที่อัตราส่วนสินเชื่อต่อเงินฝากรวมตั๋วแลกเงินเฉพาะธนาคารอยู่ที่ 86.9% อัตราส่วนรายได้ดอกเบี้ยสุทธิต่อสินทรัพย์เฉลี่ย (Net Interest Margin — NIM) ปรับลดลงจากงวดครึ่งปี 2553 ที่ 3.95% เป็น 3.65% ในงวดครึ่งปี 2554 และจากการดำเนินการตามนโยบายธนาคารในการเพิ่มคุณภาพสินทรัพย์ และเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน รวมทั้งการดำเนินการขายบริษัทบริหารสินทรัพย์ สาทร จำกัด และสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) ออกไปในไตรมาส 4/2553 ทำให้สินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ก่อนหักเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญ (Gross NPLs) ณ สิ้นไตรมาส 4 /2553 ลดลงเหลือเพียงจำนวน 2.9 พันล้านบาท อัตราส่วนสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ต่อเงินให้สินเชื่อทั้งสิ้น (NPL ratio) 2.7% แต่ขยับสูงขึ้นเล็กน้อยในไตรมาส 2/2554 อยู่ที่จำนวน 3.3 พันล้านบาท หรืออัตราส่วนที่ 3.0% โดยมีสาเหตุหลักจากสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นจากผลกระทบของการเปลี่ยนแปลงนโยบายของธนาคารในการกันเงินสำรองส่วนที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนอัตราดอกเบี้ยคิดลดซึ่งมีผลตั้งแต่มิถุนายน 2554
อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อสำหรับงวดครึ่งปี 2554 อยู่ที่ 0.3% เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนที่ 0.8% สะท้อนประสิทธิภาพการบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ และคุณภาพสินเชื่อที่ดีขึ้น อัตราส่วนเงินสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 80.4% ลดลงจากสิ้นปี 2553 ซึ่งอยู่ที่ 91.4% เนื่องจากสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ที่เพิ่มขึ้นในงวดครึ่งปีแรก 2554 ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานสำหรับงวดครึ่งปี 2554 เปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปี 2553 เพิ่มขึ้นจำนวน 156.6 ล้านบาทหรือ 6.7% สาเหตุส่วนใหญ่มาจากค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานอื่นตามที่ธนาคารได้ขยายธุรกิจ เช่น ค่าใช้จ่ายโฆษณาและค่าใช้จ่ายในการติดตามหนี้ที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับอาคาร สถานที่และอุปกรณ์ลดลง อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงานงวดครึ่งปีแรก 2554 อยู่ที่ 77% เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปี 2553 อยู่ที่ 70% เนื่องจากรายการพิเศษขายอาคารสำนักงานใหญ่สาทร กำไรจากการไถ่ถอนเงินฝากที่มีอนุพันธ์แฝง และกำไรจากการขายหุ้นในบริษัทย่อยดังที่กล่าวมาแล้ว หากไม่นับรายการพิเศษดังกล่าว อัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานต่อรายได้จากการดำเนินงานจะลดลงจากงวดครึ่งปี 2553 จาก 85% เป็น 77% ในงวดครึ่งปี 2554
สำหรับเงินกองทุนของธนาคาร ณ สิ้นวันที่ 30 มิถุนายน 2554 มีจำนวน 1.718 หมื่นล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยง 13.72% โดยเป็นอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่ 8.43%