นางสาววันดี กุญชรยาคง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.เอสพีซีจี (SPCG) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 20 ก.ค. 54 ได้มีมติอนุมัติให้บริษัทย่อยจำนวน 4 บริษัทของบริษัท โซล่า เพาเวอร์ จากัด (SPC) กล่าวคือ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 3) (SPKR3) บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 4) จากัด (SPKR4) บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 7) จากัด (SPKR7) และ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 8) (SPKR8)เข้าซื้อทรัพย์สินสาหรับการดาเนินธุรกิจพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จานวน 4 โครงการมูลค่าโครงการละประมาณ 650 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าทั้งหมดไม่เกิน 2,600 ล้านบาท โดยบริษัทฯ จะจัดหาแหล่งเงินทุนจากการเสนอขายหุ้นของบริษัทฯ ให้แก่บุคคลทั่วไป แหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน และ/หรือแหล่งเงินทุนอื่นๆ
SPC จะลงทุนใน SPKR3 SPKR4 และ SPKR7 เป็นจำนวนประมาณ 117 ล้านบาทในแต่ละบริษัท หรือคิดเป็นจำนวนเงินรวมทั้งสิ้น 351 ล้านบาท โดย SPC มีความประสงค์จะถือหุ้นใน SPKR3 SPKR4 และ SPKR7 ในสัดส่วนร้อยละ 60 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของ SPKR3 SPKR4 และ SPKR7 โดยบริษัทฯ จะหาผู้ร่วมทุนเพื่อลงทุนใน SPKR3 SPKR4 และ SPKR7 ในสัดส่วนร้อยละ 40.0 และมีนโยบายจะถือ SPKR8 ในสัดส่วนร้อยละ 100.0 รวมทั้งจะหาแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินต่างๆเพื่อพัฒนาโครงการทั้ง 4 โครงการอีกด้วย
และบริษัทฯ จะลงทุนผ่าน SPC ใน SPKR8 เป็นจำนวนประมาณ 195 ล้านบาท โดย SPC มีความประสงค์จะถือหุ้นใน SPKR8 ในสัดส่วนร้อยละ 100 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของ SPKR8
ทั้งนี้ เงินที่จะนำมาใช้ในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของ บริษัทย่อย 4 บริษัทนั้น จะมาจากการที่บริษัทฯ จะจัดหาแหล่งเงินทุนจากการเสนอขายหุ้นของบริษัทฯ ให้แก่บุคคลทั่วไป แหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน และ/หรือแหล่งเงินทุนอื่นๆ เพื่อให้ SPC นาเงินจากแหล่งเงินทุนดังกล่าว ไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนในบริษัทย่อย 4 บริษัท อีกทั้ง SPKR3 SPKR4 และ SPKR7 จะหาผู้ร่วมทุนเข้าลงทุนในโครงการ อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก SPC จะถือหุ้นใน SPKR8 ร้อยละ 100 ดังนั้น SPKR8 จึงไม่มีแผนในการจัดหาผู้ร่วมทุน
วานนี้ คณะกรรมการ SCPG อนุมัติลดทุนจดทะเบียน จำนวน 15 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิมจำนวน 515 ล้านบาท เป็น 500 ล้านบาท โดยการตัดหุ้นที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายของบริษัทฯ และอนุมัติเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 500 ล้านบาท เป็น 840 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 340 ล้านหุ้น จัดสรรจำนวน 60 ล้านหุ้น เสนอขายให้กับประชานทั่วไป (PO) และอีก 280 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิของหลักทรัพย์แปลงสภาพ
รวมทั้ง อนุมัติการออกใบสำคัญแสดงสิทธิจำนวน 280 ล้านหน่วย แบ่งจัดสรรจำนวนไม่เกิน 30 ล้านหน่วยให้กับประชาชนทั่วไป ที่จองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบริษัทฯ ในอัตราส่วนหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่มีการจองซือ้ 2 หุ้นต่อ 1 หน่วยใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ และจัดสรร 250 ล้านหน่วย ให้ฟรีกับผู้ถือหุ้นเดิม ในอัตราส่วน 2 หุ้นเดิมต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ โดยกำหนดราคาการใช้สิทธิ 1 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิไม่เกิน 10 ปี
อนุมัติการเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครัง้ ที่ 2/2554 ในวันที่ 6 กันยายน 2554 เวลา 10.00 น
สำหรับบริษัทย่อย 4 บริษัท จะนำเงินเพิ่มทุนจาก SPC ไปดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยมีขนาดโครงการละ 6 เมกกะวัตต์ มูลค่าของแต่ละโครงการไม่เกิน 650,000,000 บาท ใช้พื้นที่แต่ละโครงการไม่ต่ากว่า 80 ไร่ โดยใช้แผงพลังงานแสงอาทิตย์จานวนประมาณ 30,000 แผงต่อโครงการ
อนึ่ง บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (ขอนแก่น 1) จากัด (SPKK1) (SPKK1 เป็นหนึ่งในบริษัทย่อยของ SPC) ได้อนุมัติการเพิ่มทุนของ SPKK1 จานวน 18,890,000 หุ้น โดยมีมูลค่าที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 188,900,000 บาท และให้ดาเนินการลงทุนก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ขนาด 6 เมกกะวัตต์มูลค่าโครงการประมาณ 630 ล้านบาท
สาหรับ SPKK1 นั้น อยู่ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อขายไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค โดยมีขนาดโครงการ 6 เมกกะวัตต์ มูลค่าของโครงการไม่เกิน 630,000,000 บาท ใช้พื้นที่โครงการไม่ต่ากว่า 80 ไร่โดยใช้แผงพลังงานแสงอาทิตย์จานวนประมาณ 30,000 แผง
ทั้งนี้ เงินที่จะนำมาใช้ในการใช้ในการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ของ SPKK1 นั้น มาจากการซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน SPKK1 โดย SPC จำนวน 18,890,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ 10 บาทต่อหุ้น คิดเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 188,900,000 บาท ทั้งนี้ ณ ปัจจุบัน SPC ได้ทำการจาหน่ายหุ้นของ SPKK 1 จานวน 5,670,000 หุ้น ให้แก่บริษัท ไทยฟ้า เพาเวอร์ จากัด ในราคาหุ้นละ 10 บาท เป็นจำนวน 56,700,000 บาท หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของ SPKK1 นอกจากนี้ SPKK1 อยู่ระหว่างการดาเนินการหาแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินอีกด้วย
ปัจจุบัน SPC ได้ทาการจำหน่ายหุ้นของ SPKK 1 จานวน 5,670,000 หุ้น ให้แก่บริษัท ไทยฟ้า เพาเวอร์ จากัด ในราคาหุ้นละ 10 บาท คิดเป็นจานวนเงินทั้งสิ้น 56,700,000 หรือคิดเป็นร้อยละ 30 ของทุนจดทะเบียนทั้งหมดของ SPKK1 นอกจากนี้ SPKK1 อยู่ระหว่างการหาแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินต่างๆ เพื่อพัฒนาโครงการอีกด้วย
คณะกรรมการ อนุมัติการแต่งตั้ง บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระของบริษัทฯ เพื่อทำหน้าที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทฯ ตามประกาศรายการได้มาหรือจำหน่ายไป
บริษัทย่อยของ SPC กล่าวคือบริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 1) จากัด (SPKR1) บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (สกลนคร 1) จากัด (SPSN1) และบริษัท โซล่า เพาเวอร์ (นครพนม1) จากัด (SPNP1) ได้เสร็จสิ้นการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์จานวน 3 โรง และได้เริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์แล้ว
นอกจากนี้ บริษัท โซล่า เพาเวอร์ (โคราช 2) จากัด (SPKR2) และบริษัท โซล่า เพาเวอร์ (เลย1) จากัด (SPLO1) ได้มีการเพิ่มทุนและอยู่ระหว่างการดาเนินการพัฒนาโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์อีกจานวน 2 โรง อย่างไรก็ดี SPC ได้ทำการเพิ่มทุน และจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อพัฒนาโรงไฟฟ้าของ SPKR2 และ SPLO1 แล้ว