บมจ.ทรีซิกตี้ไฟว์ (TSF) ชี้แจงเพิ่มเติมกรณีคณะกรรมการมีมติให้ซื้อหุ้นสามัญ บมจ.ปิคนิค (PICNI) ซึ่งเป็นบริษัทที่อยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการนั้นโดยบริษัทการเข้าทำการซื้อหุ้นของ PICNI จากกลุ่มนักลงทุนของดร.พิมล ศรีวิกรม์ในจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดด้วยเงินลงทุนในจำนวนไม่น้อยกว่า 1,632 ล้านบาท เป็นบันทึกข้อตกลงกรอบการลงทุนเบื้องต้นเท่านั้น
สาระสำคัญหลายประการ เช่น ราคาการซื้อขายหุ้นเบื้องต้น เงื่อนไขบังคับก่อนการลงทุนเบื้องต้น ที่ต้องดำเนินการเจรจากับกลุ่มนักลงทุนของดร.พิมล ศรีวิกรม์ ซึ่ง ณ ขณะนี้ TSF อยู่ระหว่างการเจรจาในสาระสำคัญดังกล่าวโดย TSF คาดว่าจะสามารถเปิดเผยข้อมูลเพิ่มเติมได้ เมื่อได้ลงนาม MOUกับ กลุ่มนักลงทุน ดร. พิมล ศรีวิกรม์ และได้เข้าตรวจสอบสถานะกิจการ (Due Diligence) จนเป็นที่พอใจรวมถึงได้รับรายงานความเห็นอิสระจากที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จและสามารถเปิดเผยข้อมูลได้ภายในไม่เกินวันที่ 23 สิงหาคม 2554
อย่างไรก็ตามจากข้อมูลทางการเงินของ กลุ่มนักลงทุนของ ดร.พิมล ศรีวิกรม์ พบว่า ผลประกอบการของ PICNI มีแนวโน้มของผลการดำเนินงานในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องมาจาก เดือน กุมภาพันธ์ 2554 PICNI ได้รับคืนคลังเก็บแก๊สบางจะเกร็ง จังหวัดสมุทรสงคราม และคลังเก็บแก๊สลำปาง จากบริษัท เวิลด์แก๊ส(ประเทศไทย)จำกัด ส่งผลให้ปริมาณยอดขายแก๊สต่อเดือนมีอัตราการเติบโตอย่างเนื่อง เข้าใกล้จุดคุ้มทุนที่ 23,000 ตันต่อเดือน ซึ่ง TSF ได้เล็งเห็นโอกาสที่จะพัฒนาการบริหารต้นทุนและค่าใช้จ่ายให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อเพิ่มความสามารถการทำกำไรของ PICNI ดังนั้น TSF จึงมีความสนใจในธุรกิจของ PICNI นอกจากนี้ ธุรกิจ LPG มีลักษณะคล้ายธุรกิจสินค้าอุปโภค บริโภค (Consumer Product) คือ มีการซื้อขายสินค้าทุกวันเนื่องจากเป็นสิ่งจำเป็นในการดำรงชีวิตปกติของทุกคนซึ่งย่อมจะมีรายได้ที่แน่นอนเกิดขึ้นทุกวันอย่างต่อเนื่อง