IRPC เผยกำไรสุทธิ Q2/54 โต 156% จากกำไรขั้นต้นสูงตามราคาน้ำมันดิบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 29, 2011 09:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางสาวนวลวรรณ ภู่ประเสริฐ ผู้จัดการฝ่ายนักลงทุนสัมพันธ์ บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า จากงบการเงินรวมสอบทานสำหรับไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 ของบริษัท และบริษัทย่อย มีผลกำไรสุทธิตามงบกำไรขาดทุนรวม 2,981 ล้านบาท เปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี ก่อนที่มีกำไรสุทธิรวม 1,165 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจำนวน 1,816 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 156

สาเหตุหลักจากบริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้จากการขายสำหรับไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 เป็นจำนวนเงิน 67,636 ล้านบาทเปรียบเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน จำนวนเงิน 57,059 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,577 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 19 ในขณะที่มีต้นทุนขายเพิ่มขึ้น 9,303 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 17

ทำให้มีกำไรขั้นต้นเป็นจำนวนเงิน 3,673 ล้านบาท ในขณะที่ปีก่อนมีกำไรขั้นต้น เป็นจำนวนเงิน 2,399 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,273 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 53 มีสาเหตุหลักมาจากราคาตลาดของน้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ต่างๆ สูงขึ้น โดยผลิตภัณฑ์ที่ขายในไตรมาสนี้ มีราคาขายเฉลี่ยสูงขึ้นร้อยละ 25 และต้นทุนวัตถุดิบเฉลี่ยสูงขึ้นร้อยละ 27

ในขณะที่มีต้นทุนค่าไฟฟ้าและสาธารณูปโภคลดลงร้อยละ 16 จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมขนาด 220 เมกกะวัตต์ต่อชั่วโมง ซึ่งได้เริ่มดำเนินการในเชิงพาณิชย์ในวันที่ 1 มิถุนายน 2554 โดยบริษัทฯ มีระดับการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยในไตรมาส 2 ของปีนี้ อยู่ที่ 172,065 บาร์เรลต่อวัน เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อน ที่มีระดับการกลั่นน้ำมันเฉลี่ยอยู่ที่ 172,377 บาร์เรลต่อวัน คิดเป็นลดลงร้อยละ 0.18

บริษัทและบริษัทย่อย มีรายได้อื่น/(ค่าใช้จ่ายอื่น) สำหรับไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 เป็น จำนวนเงิน 850 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 580 ล้านบาท เนื่องจากมีกำไรจากสัญญาแลกเปลี่ยนส่วนต่างราคาน้ำมันล่วงหน้าสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 590 ล้านบาท กำไรจากสัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเพิ่มขึ้นจำนวน 61 ล้านบาท กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเพิ่มขึ้นจำนวน 37 ล้านบาท ดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้นจำนวน 32 ล้านบาท และอื่นๆเพิ่มขึ้นจำนวนเงิน 35 ล้านบาท ในขณะที่มีขาดทุนจากการด้อยค่า ทรัพย์สินเพิ่มขึ้นจำนวน 121 ล้านบาท และขาดทุนจากการปรับมูลค่าเงินลงทุนในหลักทรัพย์เพื่อค้าเพิ่มขึ้นจำนวน 54 ล้านบาท

ส่วนค่าใช้จ่ายในการบริหารสำหรับไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 เป็นจำนวน 793 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 21 ล้านบาท หรือร้อยละ 3 เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้นจำนวน 71 ล้านบาท ค่าที่ปรึกษาลดลง 54 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายในการบริหารอื่นเพิ่มขึ้นจำนวน 4 ล้านบาท

ต้นทุนทางการเงิน บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนทางการเงินสำหรับไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2554 เป็นจำนวน 437 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 71 ล้านบาท หรือร้อยละ 19 เนื่องจากมีขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนจากหุ้นกู้เพิ่มขึ้นจำนวน 90 ล้านบาท และดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนเงิน 30 ล้านบาท ในขณะที่มีกำไรจากสัญญาแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศและอัตราดอกเบี้ยล่วงหน้าเพิ่มขึ้นจำนวน 49 ล้านบาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ