PYLON คาดผลงาน Q3 โตขึ้นจาก Q2 ตุน backlog 900 ลบ.รับรู้ฯถึงปี 56

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 12, 2011 10:50 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายบดินทร์ แสงอารยะกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บมจ.ไพลอน(PYLON)เปิดเผยว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3/54 มีทิศทางดีกว่าไตรมาส 2/54 เนื่องจากปริมาณวันหยุดและสภาพภูมิอากาศที่เป็นอุปสรรคต่อธุรกิจลดลง ส่งผลให้การทำงานฐานรากประเภทเสาเข็มเจาะทำได้รวดเร็วขึ้น และบริษัทฯ รับรู้รายได้เพิ่มขึ้นในทิศทางเดียวกัน

“ที่ผ่านมาปัญหาการทำงานในไตรมาส 2 ก็คือ วันหยุดที่ต่อเนื่องติดต่อกันหลายวันทำการ ประกอบกับมีปัญหาฝนตกชุกทำให้ทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่ในไตรมาส 3 วันหยุดน้อยลง จึงทำให้วันทำงานเพิ่มขึ้น การรับรู้รายได้จึงเพิ่มขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/2554 จึงคาดว่าจะออกมาดีกว่าไตรมาส 2ที่ผ่านมา และคาดว่าจะดีขึ้นอย่างโดดเด่นเมื่อเทียบกับผลประกอบการงวดเดียวกันในปี 2553 เนื่องจากปริมาณงานไหลเข้าตลาดเพิ่มขึ้น ทำให้บริษัทฯ สามารถรับงานได้เพิ่มขึ้น และยังรับรู้รายได้จากงานก่อสร้างของบริษัทย่อยด้วย" นายบดินทร์ กล่าว

สำหรับสถานการณ์น้ำท่วมในหลายพื้นที่ของประเทศ ยอมรับว่ามีผลกระทบต่อธุรกิจบ้างด้านการขนส่งวัสดุที่ล่าช้า แต่บริษัทฯ ยังสามารถรับความเสี่ยงดังกล่าวได้ ปัจจุบันบริษัทฯ มีงานในมือ(Backlog)มูลค่ากว่า 900 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยรับรู้รายได้ต่อเนื่องถึงกลางปี 56 แบ่งเป็นงานฐานราก มูลค่า 500 ล้านบาท งานแนวราบ มูลค่า 400 ล้านบาท พร้อมยังคงเป้ารายได้รวมปีนี้ไว้ที่ 1 พันล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทยังรับงานใหม่ๆ เข้ามาอย่างต่อเนื่อง โดยมีงานที่ยื่นประมูลไปแล้วและรอผลอยู่มูลค่า 1 พันล้านบาท แบ่งเป็นงานฐานราก มูลค่า 700 ล้านบาท และงานแนวราบ มูลค่า 300 ล้านบาท คาดว่าจะได้งานดังกล่าวสัดส่วน 25% ของมูลค่างานรวม

นายบดินทร์ ยังกล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจรับเหมาฐานรากว่า แผนก่อสร้างโครงการเมกะโปรเจ็กของรถไฟฟ้าทั้ง 10 สายของรัฐบาลจะกระตุ้นให้อุตสาหกรรมรับเหมาก่อสร้างคึกคักต่อเนื่อง และยังเอื้อโอกาสให้บริษัทฯ รับงานฐานรากประเภทเสาเข็มเจาะเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในปี 2555 ที่รัฐบาลมีนโยบายสร้างรถไฟฟ้าพร้อมกัน 3 สาย ได้แก่ สายสีแดง สายสีเขียว และสายสีน้ำเงิน ถือว่าเป็นผลดีต่อทั้งอุตสาหกรรมและบริษัทฯเอง

"ธุรกิจก่อสร้างอาคารยังเปิดกว้างอยู่มาก และมีโอกาสเติบโตสูง แต่บริษัทฯ เน้นเรื่องดูแลความเสี่ยงเป็นหลัก ดังนั้นการรับงานแต่ละครั้งจึงต้องเน้นคุณภาพให้มีความเสี่ยงน้อย และกำไรอยู่ในอัตราที่รับได้ มากกว่าเน้นรับงานปริมาณมากๆ โดยธุรกิจงานฐานรากเห็นว่าภาพรวมอุตสาหกรรมคึกคักมากขึ้น โดยเฉพาะการเร่งสร้างรถไฟฟ้าหลายสาย"นายบดินทร์ กล่าว

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ