นายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต เปิดเผยว่า ธนาคารได้ออกมาตรการชุดใหญ่เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อนให้ครอบคลุมทุกความจำเป็นและความต้องการของลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกกภัยครั้งใหญ่ และพร้อมช่วยเหลือฟื้นฟูโดยเร็วที่สุดภายหลังน้ำลด
ลูกค้าที่ใช้บริการ สินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ใหม่ รถยนต์ใช้แล้ว และสินเชื่อธนชาตรถแลกเงิน เปิดโอกาสให้ขอพักการชำระหนี้ได้สูงสุด 90 วัน และสามารถขอยืดระยะเวลาผ่อนชำระหนี้ออกไปได้อีกสูงสุด 12 เดือน โดยใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงตามสัญญาเดิม แต่ต้องไม่ต่ำกว่า 2.25%ต่อปี รวมถึงจะได้รับการพิจารณายกเว้นค่าธรรมเนียมปรับหนี้คงค้าง และค่าธรรมเนียมในการออกหนังสือทวงถาม
สำหรับผลิตภัณฑ์สินเชื่อเคหะ ลูกค้าสามารถขอผ่อนผันค่างวดโดยไม่ต้องชำระคืนเงินต้นเป็นเวลานานสูงสุด 12 เดือน โดยชำระเฉพาะดอกเบี้ย และสามารถขอวงเงินกู้เพื่อการซ่อมแซมบ้านเพิ่มได้อีกเป็นวงเงินสูงสุด 1 ล้านบาท แต่เมื่อรวมกับภาระหนี้แล้ว ต้องไม่เกิน 100% ของราคาประเมินเดิม โดยให้ระยะเวลากู้สูงสุด 10 ปี และไม่เกินระยะเวลาสิ้นสุดของสินเชื่อหลัก อัตราดอกเบี้ย ปีที่ 1 เท่ากับ 4.5%ต่อปี หลังจากนั้น MLR ลบ 0.5% ต่อปี
ลูกค้าที่เป็นผู้ประกอบการ SME ที่ได้รับผลกระทบจากภาวะอุทกภัย ธนาคารฯ ได้เตรียมวงเงินช่วยเหลือจำนวน 5,000 ล้านบาท เพื่อช่วยบรรเทาปัญหาสภาพคล่อง และช่วยเหลือลูกค้าในการฟื้นฟูธุรกิจ ซึ่งจะให้ความช่วยเหลือโดยการให้ลูกค้าสามารถขอพักชำระคืนเงินต้นสูงสุดได้นาน 1 ปี หรือสามารถยื่นขอพักชำระคืนทั้งเงินต้นและดอกเบี้ยสูงสุดนาน 6 เดือน กรณีมีความจำเป็นต้องได้รับการช่วยเหลือทางการเงินเพิ่มเติม ธนาคารจะพิจารณาเป็นพิเศษ โดยสนับสนุนสินเชื่อสูงสุด 20% ของวงเงินเดิม หรือสูงสุด 20 ล้านบาท
“สิ่งที่เราเป็นห่วงมากที่สุดในขณะนี้คือความเป็นอยู่ของลูกค้าที่ต้องเผชิญกับวิกฤตการณ์น้ำท่วม ซึ่งทางธนาคารได้ให้พนักงานคอยติดตามดูแลลูกค้าอย่างใกล้ชิด ทั้งการให้กำลังใจและให้บริการช่วยเหลืออำนวยความสะดวกแก่ลูกค้าให้มากที่สุด ผมเชื่อว่ามาตรการต่างๆ ที่เราเสนอมาครั้งนี้นอกจากจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของลูกค้าที่ตรงจุดแล้ว ทันเวลา แล้วยังจะมีส่วนอย่างยิ่งในการช่วยเหลือฟื้นฟูธุรกิจและความเป็นอยู่ของลูกค้าภายหลังน้ำลดเพื่อกลับมาสู่ภาวะตามปกติอีกด้วย" นายสมเจตน์ กล่าว