นายอนุพงษ์ อัศวโภคิน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (AP) เปิดเผยว่า ขณะนี้ (6 พ.ย.54) บริษัทมียอดขายรวม 13,044 ล้านบาท มีสินค้ารอรับรู้รายได้ (Backlog) สูงถึง 25,880 ล้านบาท เป็นแนวราบมูลค่า 3,574 ล้านบาท คอนโดมิเนียมมูลค่า 22,306 ล้านบาท โดยส่วนหนึ่งจะมาจากโครงการ The Address สุขุมวิท 28 มูลค่าโครงการ 2,250 ล้านบาท ซึ่งเพิ่งก่อสร้างแล้วเสร็จ และขณะนี้เริ่มมีลูกค้าทยอยโอนกรรมสิทธิ์บ้างแล้ว
ในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค.54 บริษัทฯ ได้เปิดตัวคอนโดมิเนียม 2 โครงการใหม่ คือ Life รัชดาภิเษก มูลค่าโครงการ 3,200 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 17% และ The Address สุขุมวิท 61 มูลค่าโครงการ 720 ล้านบาท มียอดขายแล้ว 15% ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าในช่วงระยะเวลาที่เหลือคอนโดมิเนียมจะมีส่วนช่วยดันยอดขายได้ระดับหนึ่งซึ่งในปีนี้ บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่รวมทั้งสิ้น 12 โครงการ มูลค่า 15,520 ล้านบาท แนวราบ 8 โครงการ มูลค่า 8,500 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 4 โครงการ
สำหรับภาพรวมสถานการณ์น้ำท่วมต้องยอมรับว่าส่งผลกระทบในวงกว้างอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในส่วนโครงการของบริษัทเอง จากการเตรียมความพร้อมในการรับมือกับสถานการณ์ทั้งการเตรียมอุปกรณ์และความรู้เฉพาะด้านวิศวกร ส่งผลให้ขณะนี้โครงการที่อยู่ระหว่างการขายและโอนกรรมสิทธิ์รวมทั้งสิ้น 40 โครงการ ยังไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำที่เอ่อล้นเข้ามาภายในโครงการ จะมีเพียง 3 โครงการที่อยู่ในทำเลย่านถนนนครอินทร์และรัตนาธิเบศร์ ซึ่งมีปริมาณน้ำเป็นจำนวนมากเกินกว่าที่จะรับมือได้ แต่อย่าไรก็ตามบริษัทฯ ก็ได้เร่งดำเนินการสูบน้ำออกตลอดเวลาเพื่อรักษาระดับน้ำ ซึ่ง ณ ปัจจุบันทั้ง 3 โครงการระดับน้ำยังไม่ได้ท่วมเข้าไปสร้างความเสียหายภายในบ้านลูกค้าจะอยู่เพียงแค่บริเวณรอบพื้นที่โครงการเท่านั้น
ส่วนผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกปีนี้มีรายได้รวมแล้วทั้งสิ้น 10,758 ล้านบาท เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนมีรายได้รวม 9,533 ล้านบาท โดยรายได้รวมที่เพิ่มมากขึ้นส่งผลมาจากการบริหารจัดการพอร์ตสินค้าอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่ง 51% ของรายได้รวมที่เกิดขึ้นในไตรมาส 3/54 จากการโอนกรรมสิทธิ์คอนโดมิเนียม 4 โครงการหลัก คือ RHYTHM รัชดา-ห้วยขวาง Life @ ลาดพร้าว 18 The Address พญาไท และ RHYTHM รัชดา และโครงการแนวราบอื่นๆ โดยสามารถจัดลำดับโครงการที่เป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้บริษัทฯ สามารถสร้างรายได้รวมในอัตราที่น่าพอใจ
โดยไตรมาส 3/54 บริษัทฯ สามารถสร้างยอดขายได้ 3,739 ล้านบาท มาจากแนวราบ 1,909 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 1,830 ล้านบาท ส่งผลยอดขายรวม 9 เดือนเท่ากับ 12,019 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26.7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากยอดขายรวมในส่วนของโครงการแนวราบที่เพิ่มมากเป็น 6,484 ล้านบาท