นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง (BLS) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้บริษัทเรียกประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการขอเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เนื่องจากบริษัทได้รับหนังสือแสดงเจตจำนงขอทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ของ BLS จากธนาคารกรุงเทพ (BBL) โดยกำหนดราคาเสนอซื้อเท่ากับ 22 บาทต่อหุ้น
ทั้งนี้ หนังสือดังกล่าวมีใจความว่า เนื่องจากธนาคารมีแนวนโยบายในการกำหนดกลยุทธ์และแผนการดำเนินธุรกิจให้เป็นสถาบันการเงินแบบครบวงจร (Universal Banking) เพื่อรองรับสภาพตลาดที่กำลังปรับเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว อันเป็นผลมาจากแผนพัฒนาระบบสถาบันการเงินและแผนพัฒนาตลาดทุนไทย การจัดตั้งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนที่มีแนวทางในการเปิดเสรีทางการเงิน และการเปิดโอกาสให้ธนาคารพาณิชย์สามารถประกอบธุรกิจได้ครอบคลุมมากขึ้น ตลอดจนสภาวะการแข่งขันในตลาดเงินและตลาดทุนที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องจากสถาบันการเงินทั้งในประเทศและต่าง ประเทศในรูปแบบต่างๆ
ดังนั้น ธนาคารจึงมีความประสงค์ที่จะเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในกิจการ ซึ่งมีฐานะเป็นบริษัทลูกของธนาคารอยู่แล้ว ให้อยู่ในระดับที่ธนาคารมีอำนาจควบคุมได้อย่างสมบูรณ์เพื่อเตรียมความพร้อมในเรื่องยุทธศาสตร์ดังกล่าว
ในการนี้ ธนาคารจึงเห็นสมควรที่จะเข้าทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการเป็นการทั่วไปเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ ของกิจการจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย โดยมีเงื่อนไขที่จะต้องดำเนินการให้เป็นผลสำเร็จก่อนการทำคำเสนอซื้อเพื่อเพิกถอนหลักทรัพย์ของกิจการออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ดังต่อไปนี้คือ
1. การดำเนินการดังกล่าวข้างต้นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการธนาคาร
2. บริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) จะต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้น ให้สามารถดำเนินการเพิกถอนหลักทรัพย์ของกิจการออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์อนุมัติและแจ้งผลอนุมัติการพิจารณาเพิกถอนหลักทรัพย์ดังกล่าว
และ 3. ธนาคารและบริษัทหลักทรัพย์บัวหลวง จำกัด (มหาชน) จะต้องได้รับความเห็นชอบ การผ่อนผัน การอนุญาต หรือความยินยอม จากหน่วยราชการหรือหน่วยงานที่มีอำนาจกำกับดูแลที่เกี่ยวข้องเพื่อให้การดำเนินการทำคำเสนอซื้อของธนาคารเป็นผลสำเร็จ
ทั้งนี้ ที่ประชุมอนุมัติให้กรรมการผู้อำนวยการ หรือผู้ที่กรรมการผู้อำนวยการมอบหมายมีอำนาจพิจารณาและดำเนินการในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับ และ/หรือ ต่อเนื่องกับการขอเพิกถอนหุ้นของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ ซึ่งรวมถึงเรื่องต่างๆ ดังต่อไปนี้ด้วยเพื่อให้การดำเนินการในรายละเอียดที่เกี่ยวข้องสามารถดำเนินการได้โดยสะดวกและคล่องตัว
- การติดต่อประสานงานและการดำเนินการที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานราชการหรือหน่วยงานที่มีอำนาจตามที่กฎหมายกำหนด รวมตลอดถึงการดำเนินการใด ๆ ตามหลักเกณฑ์เงื่อนไขและรายละเอียดของกฎหมาย และกฎระเบียบที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนตามความเห็นหรือแนวปฏิบัติของหน่วยงานดังกล่าว
- การดำเนินการใดๆ เพื่อให้การเพิกถอนหุ้นของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นผลสำเร็จรวมทั้งมอบหมายให้กรรมการผู้จัดการ หรือผู้ที่กรรมการผู้จัดการมอบหมายมีอำนาจเปลี่ยนแปลงวันเวลา และสถานที่สำหรับการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2554 ตลอดจนการเปลี่ยนแปลงวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้น (Record Date) เพื่อสิทธิเข้าร่วมในการประชุมผู้ถือหุ้นวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นหลัง Record Date และดำเนินการอื่นใดในเรื่องที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทอนุมัติให้คณะกรรมการอิสระดำเนินการพิจารณาคัดเลือกที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ (IFA) ในการทำหน้าที่ให้ความเห็นต่อการขอเพิกถอนหุ้นของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
และ อนุมติให้จัดประชุมชี้แจง (Presentation) ต่อผู้ถือหุ้นและนักลงทุนทั่วไปเพื่อให้ความเห็นต่อผู้ถือหุ้นเกี่ยวกับการเพิกถอนหลักทรัพย์ของบริษัทจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันที่ 9 ธันวาคม 2554
คณะกรรมการฯ อนุมัติให้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2554 ใน วันที่ 19 ธันวาคม 2554 โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในครั้งนี้ ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2554 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พ.ศ.2535 โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 29 พฤศจิกายน 2554
ทั้งนี้ หุ้นสามัญของ BLS มีจำนวน 269,998,457 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 2 บาท รวม 593,996,914 บาท ราคาซื้อขายครั้งหลังสุด 16.90 บาทต่อหุ้นเมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2554
ณ วันที่ 3 พฤษภาคม 2554 ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ได้แก่ ธ.กรุงเทพ สัดส่วนถือหุ้น 56.34% MR.TOH CHONG ถือ 6.11% บริษัท ไทยเอ็นวีดีอาร์ จำกัด ถือ 2.30% นายธวัชชัย สืบวงศ์ลี ถือ 1.94% นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ 0.96%