บล.ยูไนเต็ด (US) เปิดเผยความคืบหน้าการโอนธุรกิจ ให้แก่ บล.ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) (UOBKH) โดยเมื่อวันที่ 21 กันยายน 2554 บริษัทฯ ได้มีหนังสือแจ้งถึงสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์เพื่อขอหยุดประกอบธุรกิจการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์และตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าเป็นการชั่วคราวตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2554 เป็นต้นไปโดยแจ้งปิดดำเนินการธุรกิจดังกล่าวทั้งของสำนักงานใหญ่และสาขา และเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2554 สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ได้อนุมัติการหยุดประกอบธุรกิจดังกล่าวเป็นการชั่วคราวแล้ว
ต่อมา เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2554 บริษัทฯ ได้โอนธุรกิจการเป็นนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ และตัวแทนซื้อขายสัญญาซื้อขายล่วงหน้าให้แก่ยูโอบีเคย์เฮียน โดยได้โอนเฉพาะลูกหนี้เงินให้กู้ยืมเพื่อซื้อหลักทรัพย์ซึ่งมีมูลค่าสินทรัพย์สุทธิเป็นจำนวนเงิน 247 ล้านบาท ซึ่งบริษัทฯได้รับชำระเป็นเงินสดทั้งจำนวนแล้ว และจะทยอยโอนสินทรัพย์ของบริษัทฯ ส่วนที่เหลือต่อไป พร้อมกันนี้บริษัทฯ ได้ดำเนินการโอนฐานลูกค้า รวมทั้งหุ้นที่ฝากไว้และเงินเพื่อลูกค้าทั้งหมดไปให้แก่ยูโอบีเคย์เฮียนโดยให้ยูโอบีเคย์เฮียนเป็นผู้รับฝากทรัพย์สิน
ทั้งนี้ ภายหลังการขายและโอนธุรกิจ บริษัทฯ ยังคงประกอบธุรกิจหลักทรัพย์ประเภทค้าหลักทรัพย์ ที่ปรึกษาการลงทุน และการจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ต่อไป โดยมีธุรกิจค้าหลักทรัพย์ตราสารหนี้เป็นรายได้หลัก ซึ่งในปี 2553 บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจนี้เป็นจำนวน 39.6 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 13 ของรายได้ทั้งหมด
จากข้อมูลทางการเงินของบริษัทฯ สำหรับงวดเก้าเดือนสิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2554 บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจนี้เป็นจำนวน 25.1 ล้านบาท และมีกำไรจากการดำเนินงานจำนวน 12.1ล้านบาท โดยรายได้ลดลงจากงวดเก้าเดือนของปี 2553 จำนวน 4 ล้านบาท แต่กำไรจากการดำเนินงานลดลงเพียง 3 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งสะท้อนถึงการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานของส่วนงานค้าหลักทรัพย์ตราสารหนี้
นอกจากนี้ จากการที่บริษัทฯ ทยอยปลดพนักงานจาก 170 คนตั้งแต่เดือนตุลาคม ปีนี้เป็นต้นมา และจะคงเหลือ 17 คนในเดือนมกราคม ปี 2555 ซึ่งเป็นจำนวนที่เพียงพอต่อการสนับสนุนธุรกิจหลักเท่านั้น จะทำให้รายจ่ายในปีหน้าลดลงอีก เป็นแนวโน้มที่บริษัทฯ จะมีกำไรเพิ่มขึ้นในปี 2555
อนึ่ง บริษัทฯ มีนโยบายเพิ่มรายได้จากการขยายฐานลูกค้าและปริมาณการซื้อขายในธุรกิจค้าหลักทรัพย์ตราสารหนี้โดยใช้ประโยชน์จากสินทรัพย์ของบริษัทฯ ซึ่ง ณ ปัจจุบันมีอยู่ราว 900 ล้านบาท บริษัทฯ ยังมีนโยบายเพิ่มรายได้จากธุรกิจที่ปรึกษาการลงทุนและธุรกิจจัดจำหน่ายหลักทรัพย์อีกด้วย ซึ่งการที่บริษัทฯ ยังดำเนินธุรกิจตามปกติจึงไม่จัดว่าบริษัทฯ เข้าข่ายเป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีสินทรัพย์ทั้งหมดหรือเกือบทั้งหมดในรูปเงินสดภายหลังการโอนสินทรัพย์ให้แก่ยูโอบีเคย์เฮียน เนื่องจากบริษัทฯ ยังคงดำเนินธุรกิจและมีรายได้ตามที่กล่าวมาข้างต้น