ธนาคารเกียรตินาคิน (KK) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคาร ครั้งที่ 13/2554 เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2554 ได้มีมติอนุมัติให้ธนาคารเข้าลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการร่วมกิจการ (บันทึกข้อตกลง) ระหว่างธนาคาร บมจ. ทุนภัทร (PHATRA) และผู้ถือหุ้นบางรายของธนาคารและทุนภัทร เพื่อการร่วมกิจการระหว่างธนาคารและทุนภัทร ในการดำเนินธุรกิจทางด้านการเงิน อันประกอบไปด้วยธุรกิจธนาคารพาณิชย์ ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจสนับสนุนอื่นๆ ร่วมกัน
สำหรับแนวทางและรูปแบบในการร่วมกิจการนั้น ธนาคารจะทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของทุนภัทรเพื่อเพิกถอนหุ้นของทุนภัทรออกจากการเป็นหลักทรัพย์ จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Delisting Tender Offer) จากผู้ถือหุ้นทุกรายของทุนภัทร ภายใต้เงื่อนไขว่าเมื่อสิ้นสุดระยะเวลาการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จำนวนผู้ถือหุ้นของทุนภัทรที่ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์จะต้องมีจำนวนรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 75 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของทุนภัทร (ภายใต้เงื่อนไขการได้รับอนุมัติผ่อนผันจากคณะอนุกรรมการวินิจฉัยการเข้าถือหลักทรัพย์เพื่อครอบงำกิจการ)
โดยธนาคารจะชำระค่าตอบแทนให้แก่ผู้ถือหุ้นของทุนภัทรที่ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ดังกล่าวเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของธนาคาร
ภายใต้บันทึกข้อตกลง ทุนภัทรจะจัดประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทเพื่อขออนุมัติการเพิกถอนหุ้นของทุนภัทรออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ
ทั้งนี้ เพื่อชำระค่าตอบแทนให้กับผู้ถือหุ้นของทุนภัทรที่ตอบรับคำเสนอซื้อหลักทรัพย์เป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนของธนาคาร เท่ากับ 1 หุ้นของทุนภัทรต่อ 0.9135 หุ้นของธนาคาร (อัตราส่วนการแลกเปลี่ยนหุ้นที่ตกลงกัน)ในการนี้ ธนาคารและทุนภัทรจะจัดให้มีที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อมาให้ความเห็นเกี่ยวกับอัตราส่วนการแลกเปลี่ยนห นที่ตกลงกันและแผนการร่วมกิจการ เพื่อนำเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อการอนุมัติการเข้าร่วมกิจการต่อไป
สำหรับการบริหารจัดการธุรกิจด้านสถาบันการเงินและธุรกิจด้านหลักทรัพย์ จะเป็นการดำเนินการร่วมกันระหว่างธนาคารเกียรตินาคินและบริษัทฯ โดยการบริหารจัดการ ด้านสถาบันการเงินจะอยู่ภายใต้การดำเนินการของคณะกรรมการที่เป็นตัวแทนจากกรรมการของทั้งสองบริษัทจำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 15 คน โดยมีกรรมการที่เป็นอิสระจำนวน 6 คน คณะกรรมการบริหารกลุ่ม (Group Executive Committee) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่ม (Group CEO) โดยการบริหารจัดการธุรกิจด้านหลักทรัพย์จะอยู่ภายใต้การบริหารงาน และ/หรือ การถือหุ้นโดยบริษัทฯ โดยคณะกรรมการของบริษัทฯ จะประกอบไปด้วยกรรมการจำนวนรวมทั้งสิ้นไม่เกิน 13 คน โดยมีกรรมการที่เป็นอิสระจำนวน 4 คน
กรอบหลักการดำเนินธุรกิจร่วมกันที่สำคัญประกอบไปด้วย ธุรกิจลูกค้าบุคคลรายใหญ่ ร่วมกันผลักดันการพัฒนาธุรกิจลูกค้าบุคคลรายใหญ่ร่วมกัน ซึ่งรวมถึงการเพิ่ม ช่องทางการหาลูกค้า เพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ทางการเงิน พัฒนาผลิตภัณฑ์ทางการเงินใหม่ รวมถึงบริการเสริมต่างๆ เพื่อพัฒนาธุรกิจลูกค้าบุคคลรายใหญ่ให้มีการเจริญเติบโต ทั้งทางด้านขนาดของสินทร
ด้านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สั่งห้ามการซื้อหรือขายหลักทรัพย์ของ KK และ PHATRA ต่อไปตามคำขอของบริษัท รวมทั้ง DW ที่มี KK เป็นหลักทรัพย์อ้างอิงโดยจะปลดเครื่องหมาย "SP" หลักทรัพย์ของ KK, PHATRA และ DW ที่มี KK เป็นหลักทรัพย์อ้างอิง ตั้งแต่การซื้อขายหลักทรัพย์รอบเช้าของวันที่ 13 ธันวาคม 2554 เป็นต้นไป