ทริสฯ เพิ่มเครดิตองค์กร STEC เป็น "BBB+" แนวโน้ม "Stable"

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 5, 2012 10:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศเพิ่มอันดับเครดิตองค์กรของ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (STEC) เป็นระดับ “A-" จากเดิมที่ระดับ “BBB+" พร้อมแนวโน้ม “Stable" หรือ “คงที่"

อันดับเครดิตที่เพิ่มขึ้นสะท้อนถึงประสิทธิภาพในการควบคุมต้นทุนค่าก่อสร้าง รวมถึงการมีงบดุลที่แข็งแกร่ง และความสามารถในการได้รับงานก่อสร้างจำนวนมากทั้งที่เป็นโครงการภาครัฐและเอกชน ในการพิจารณาอันดับเครดิตยังคำนึงถึงสถานะทางการตลาดของบริษัทที่เป็นหนึ่งในผู้รับเหมาก่อสร้างรายใหญ่ 3 รายของประเทศ ตลอดจนความเชี่ยวชาญในงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าและโรงงานปิโตรเคมี ผลงานที่ได้รับการยอมรับมานานทั้งจากภาครัฐและเอกชน และความพร้อมในการรับงานจากภาครัฐตามนโยบายการลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตาม ความแข็งแกร่งดังกล่าวถูกลดทอนบางส่วนจากความเสี่ยงของการมีต้นทุนค่าก่อสร้างที่สูงกว่าประมาณการในโครงการที่มีระยะเวลาก่อสร้างยาวนานและมีลักษณะสัญญาต่อหน่วยแบบคงที่ (Fixed-unit Price Contract) ตลอดจนความเสี่ยงของธุรกิจรับเหมาก่อสร้างที่มีความผันผวนและเป็นวงจรขึ้นลง และความกังวลเกี่ยวกับการขยายสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท

ขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนความคาดหมายของทริสเรทติ้งว่าบริษัทจะยังคงดำเนินมาตรการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานต่อไป นอกจากนี้ การที่บริษัทมีสภาพคล่องที่สูงและงบดุลที่แข็งแกร่งน่าจะช่วยลดทอนความเสี่ยงจากปัญหาต้นทุนโครงการสูงเกินประมาณการเนื่องจากความล่าช้าของโครงการและปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่คาดไม่ถึง ในขณะที่อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนของบริษัทคาดว่าน่าจะอยู่ในระดับต่ำกว่า 50% ต่อไปอีก 2-3 ปีข้างหน้าแม้บริษัทมีแผนการที่จะขยายสู่ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ก็ตาม

ทริสเรทติ้งรายงานว่า STEC เป็นผู้รับเหมาก่อสร้างชั้นนำของประเทศซึ่งมีสถานะทางการตลาดที่แข็งแกร่งในโครงการก่อสร้างของทั้งภาครัฐและเอกชนโดยได้รับใบอนุญาตประเภทผู้รับเหมาชั้นหนึ่งจากหน่วยงานราชการและรัฐวิสาหกิจทุกแห่ง ทั้งนี้ บริษัทเป็นหนึ่งในผู้รับเหมาเพียงไม่กี่รายที่ผ่านเกณฑ์เบื้องต้นในการได้รับสิทธิเข้าประมูลโครงการขนาดใหญ่ของภาครัฐ เมื่อพิจารณาจากผลงานที่ได้รับการยอมรับและการสนับสนุนจากสถาบันการเงินหลายแห่งแล้วน่าจะทำให้บริษัทมีโอกาสที่จะชนะการประมูลโครงการขนาดใหญ่ที่คาดว่าจะเปิดประมูลในช่วง 2-3 ปีข้างหน้า

ตั้งแต่ปี 2552 เป็นต้นมา บริษัทชนะการประมูลงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าจำนวน 4 สัญญาจากทั้งหมด 11 สัญญา และนอกเหนือจากงานก่อสร้างสาธารณูปโภคแล้ว บริษัทยังมีความชำนาญในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าและโรงงานปิโตรเคมี ตลอดจนงานท่อ และงานประกอบและติดตั้งโครงสร้างเหล็กด้วย ทั้งนี้ ตลอดปี 2553 จนถึงช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 บริษัทได้รับงานก่อสร้างโรงไฟฟ้าจำนวน 9 โรง

ณ เดือนกันยายน 2554 บริษัทมีมูลค่างานในมือที่ยังไม่ส่งมอบอยู่ที่ 52,035 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 147% จาก 21,049 ล้านบาท ณ สิ้นปี 2553 ซึ่งมูลค่าของงานในมือที่ยังไม่ส่งมอบคิดเป็น 5.6 เท่าของรายได้ของบริษัทในปี 2553 ทั้งนี้ มูลค่างานในมือจำนวนมากจะเป็นหลักประกันกระแสเงินสดให้แก่บริษัทอย่างน้อยในช่วง 3 ปีข้างหน้า ประมาณ 40% ของมูลค่างานในมือที่ยังไม่ส่งมอบเป็นโครงการที่มีอัตรากำไรสูงซึ่งเป็นงานก่อสร้างในภาคพลังงาน การที่บริษัทมีจำนวนโครงการก่อสร้างกำไรสูงจำนวนมากและมีอำนาจต่อรองกับผู้จัดหาวัตถุดิบน่าจะช่วยลดทอนผลกระทบในทางลบที่อาจเกิดจากต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างและค่าแรงที่เพิ่มสูงขึ้นได้

สถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทสะท้อนถึงภาระหนี้ที่ต่ำและเงินสดในมือจำนวนมาก โดยเงินสดและเงินลงทุนชั่วคราว ณ เดือนกันยายน 2554 อยู่ที่ 4,309 ล้านบาท ในขณะที่ภาระหนี้มีอยู่เพียง 322 ล้านบาท อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนอยู่ในระดับต่ำมากที่ 5.42% ณ สิ้นเดือนกันยายน 2554

ขณะที่อัตราส่วนกำไรก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่ายต่อดอกเบี้ยจ่ายในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2554 เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 107.64 เท่า จาก 79.4 เท่าในปี 2553 แม้ว่าอัตราส่วนกำไรจากการดำเนินงานมีแนวโน้มจะอ่อนตัวลงในปี 2555 จากการที่ราคาวัสดุก่อสร้างและค่าแรงปรับตัวสูงขึ้น ทว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานของบริษัทยังคาดว่าน่าจะอยู่ที่ระดับ 5%-7%

อุทกภัยครั้งใหญ่ที่ลุกลามสู่พื้นที่กรุงเทพฯ บางส่วนและจังหวัดโดยรอบส่งผลทำให้การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงและสีน้ำเงินต้องชะลอออกไปประมาณ 1 เดือน อย่างไรก็ตาม อุทกภัยไม่ได้ส่งผลกระทบต่อพื้นที่ก่อสร้างอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าผลกระทบจากอุทกภัยจะส่งผลทำให้รายได้ของบริษัทในไตรมาสสุดท้ายของปี 2554 ลดลง แต่ผลกระทบไม่น่าจะรุนแรงมาก นอกจากนี้ ความเสียหายของบริษัทที่เกิดจากน้ำท่วมบางส่วนน่าจะได้รับการชดเชยจากการทำประกันภัย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ