นายวิทการ จันทวิมล ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์การตลาด บมจ.เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์(AP) เปิดเผยว่า บริษัทได้นำโครงการในเครือรวม 20 โครงการทั้งคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ และบ้านเดี่ยว มาจัดแคมเปญพิเศษขึ้นภายใต้ชื่อ AP Ready to Move In ระหว่างวันนี้ถึง 29 ก.พ.55 เพื่อตอบโจทย์ผู้ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใหม่ที่ก่อสร้างเสร็จพร้อมอยู่และตั้งอยู่ในทำเลนอกพื้นที่เสี่ยง
พร้อมมอบข้อเสนอพิเศษเฉพาะในแต่ละโครงการ เช่น ฟรีค่าใช้จ่าย ณ วันโอน Gift Voucher เลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์ รถยนต์ Nissan March และของขวัญอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนั้นผู้ที่จองภายในวันที่ 28-29 มกราคมนี้ บริษัทฯ ยังอำนวยความสะดวกด้วยบริการพิเศษขนย้ายของเข้าบ้านใหม่ให้ฟรี
สำหรับโครงการที่เข้าร่วมแคมเปญในครั้งนี้ แบ่งเป็น คอนโดมิเนียม แบรนด์ The Address จำนวน 2 โครงการ รวม 11 ยูนิต มูลค่า 116 ล้านบาท ในทำเลย่านพญาไทและสุขุมวิท 28
ทาวน์เฮ้าส์ แบรนด์ “บ้านกลางเมือง- BIZTOWN-The Pleno" จำนวนรวม 10 โครงการ มีสินค้าพร้อมอยู่ 250 ยูนิต มูลค่า 959 ล้านบาท ตั้งอยู่ในทำเลที่หลากหลาย เช่น สาทร-ตากสิน สาทร-ราชพฤกษ์ ลาดพร้าว-เสนา พระราม 9-ลาดพร้าว อ่อนนุช-วงแหวน ศรีนครินทร์ พระราม 3-สุขสวัสดิ์ เอกชัย-กาญจนาภิเษก สุขุสวัสดิ์ 30 และพระราม 5-ปิ่นเกล้า
บ้านเดี่ยว แบรนด์ “The Palazzo-The City-The Centro" รวม 8 โครงการ มีสินค้าพร้อมอยู่ 52 ยูนิต มูลค่า 470 ล้านบาท ในทำเลต่างๆ เช่น อ่อนนุช รามอินทรา วัชรพล รัตนาธิเบศร์ สุขุมวิท113 สาทร พระราม3-สุขสวัสดิ์ และ พระราม 5-ราชพฤกษ์
นายวิทการ กล่าวอีกว่า เหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในครั้งนี้ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ส่งผลต่อพฤติกรรมการเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคอย่างชัดเจน โดยเฉพาะในเรื่องของทำเลที่ตั้ง
จากการเฝ้าสังเกตุพฤติกรรมการตัดสินใจซื้อที่เกิดขึ้นจริงหลังเหตุการณ์น้ำท่วม พบสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชัดเจน คือ เกิดการเปลี่ยนรูปแบบของสินค้าที่เปลี่ยนจากการอยู่บ้านเดี่ยวที่เดิมอาจอยู่ในทำเลน้ำท่วม มาเลือกซื้อเป็นคอนโดมิเนียมหรือทาวน์เฮ้าส์ในเมืองแทน การเปลี่ยนโซน จากทำเลที่โดนน้ำท่วมหนักไปในโซนใหม่ที่อยู่นอกพื้นที่เสี่ยง เช่น ลูกค้าที่ซื้อโครงการบ้านกลางเมือง อ่อนนุช-วงแหวน ได้ย้ายมาจากปทุมธานี หรือลูกค้าบ้านกลางเมือง ศรีนคิรนทร์ ย้ายมาจากนนทบุรี เป็นต้น
นอกจากนั้นสินค้าพร้อมอยู่จะเป็นสิ่งที่ผู้บริโภคต้องการอย่างมากจากวันนี้ไปอีก 6 เดือน ดังนั้น ผู้ประกอบการที่มีสินค้าพร้อมอยู่ในทำเลที่นอกพื้นที่เสี่ยง รวมถึงแนวทางการพัฒนาระบบป้องกันน้ำเพื่อสร้างความมั่นใจในอนาคต จะได้รับตอบรับจากผู้บริโภค