บมจ.ลีพัฒนาผลิตภัณฑ์ (LEE)เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 1/2555 เมื่อวันที่ 26 มกราคม 2555 และที่ประชุมวิสามัญ ผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2555 เมื่อวันที่ 6 มีนาคม 2555 มีมติอนุมัติโครงการซื้อหุ้น คืนเพื่อบริหารทางการเงินโดยการเสนอซื้อจากผู้ถือหุ้นเป็นการทั่วไป วงเงินสูงสุดที่จะใช้ในการซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 500 ล้านบาทจำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนไม่เกิน 100 ล้านหุ้น จำนวนหุ้นที่จะซื้อคืนคิดเป็นไม่เกินร้อยละ 12.92 เสนอซื้อจากผู้ถือหุ้นเป็นการทั่วไปในราคา 5 บาท/หุ้น กำหนดระยะเวลาที่ผู้ถือหุ้นจะแสดงเจตนาตอบรับคำเสนอซื้อ ตั้งแต่วันที่ 23 มีนาคม 2555 ถึงวันที่ 4 เมษายน 2555
ข้อมูลกำไรสะสมและสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทฯ จากงบการเงินสอบทาน/ ตรวจสอบงวดล่าสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2554 (งบการเงินเฉพาะกิจการ) กำไรสะสมของบริษัทฯ 834 ล้านบาท แบ่งเป็นกำไรสะสมจัดสรรแล้ว สำรองตามกฎหมาย 122 ล้านบาท และกำไรสะสมยังไม่ได้จัดสรร 712 ล้านบาท
บริษัทไม่มีภาระหนี้สินที่ถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือน นอกเหนือจากเจ้าหนี้การค้าทั่วไป ความสามารถในการชำระหนี้ของบริษัทฯ ที่ถึงกำหนดชำระภายใน 6 เดือน นับแต่วันที่จะซื้อหุ้นคืนใน 6 เดือน (ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2555 — กันยายน 2555) บริษัทฯ ไม่มี เงินกู้ยืมระยะยาวมีเพียงเงินเบิกเกินบัญชีจากสถาบันการเงินประมาณ 0.4 ล้านบาท ขณะที่บริษัทฯ มีเงินสดคงเหลือประมาณ 658 ล้านบาท จากสถานะการเงินดังกล่าวพบว่าบริษัทฯ มีสภาพคล่องส่วนเกินเพียงพอ ดังนั้นการซื้อหุ้นคืนจึงไม่กระทบต่อความสามารถใน การชำระหนี้ของบริษัทฯ แต่อย่างใด
ทั้งนี้ จำนวนผู้ถือหุ้นสามัญรายย่อย (Free float) ณ วันปิดสมุดทะเบียนเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2555 เท่ากับ 387,359,500 หุ้น หรือเท่ากับร้อยละ 50.04 ของทุนชำระแล้วของบริษัทฯ (ทั้งนี้ หุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมดมีจำนวน 774,044,100 หุ้น ณ วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2555)
เหตุผลในการซื้อหุ้นคืน เพื่อเป็นการบริหารสภาพคล่องส่วนเกินของบริษัทฯให้เกิดประโยชน์สูงสุด เพื่อเพิ่มอัตราผลตอบแทนให้แก่ส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) รวมถึงเพิ่มอัตรากำไรสุทธิต่อหุ้น (EPS) เป็นการส่งสัญญาณแก่ผู้ลงทุนถึงสถานะทางการเงินที่แข็งแกร่งของบริษัทฯ และ เป็นเครื่องมือเพื่อป้องกันการครอบงำกิจการ (Take Over)
การจำหน่ายและการตัดหุ้นที่ซื้อคืน วิธีการจำหน่ายหุ้นจะขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และเสนอขายต่อประชาชนทั่วไป กำหนดระยะเวลาจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืน ตั้งแต่วันที่ 5 ตุลาคม 2555 ถึงวันที่ 5 พฤศจิกายน 2555 (ภายหลัง 6 เดือน นับแต่การซื้อหุ้นคืนเสร็จสิ้นแต่ต้องไม่เกิน 3 ปี) กรณีบริษัทฯสามารถซื้อหุ้นคืนได้เสร็จสิ้นก่อนวันที่ 4 เมษายน 2555 ระยะเวลาจำหน่ายหุ้นที่ซื้อคืนจะ เริ่มต้นภายหลังพ้นกำหนด 6 เดือน นับจากวันที่ซื้อหุ้นคืนเสร็จสิ้น