นายฑิตพล จันทร์อุไร ผู้จัดการฝ่ายอำนวยการผลิตภัณฑ์ บมจ.สามารถ ไอ-โมบาย (SIM) เปิดเผยว่าในปี 2555 บริษัทตั้งเป้าจำหน่าย i-mobile จำนวน 3.5 ล้านเครื่อง หรือคิดเป็นส่วนแบ่งการตลาด 31%โดยตั้งเป้าเพิ่มรุ่นโทรศัพท์มือถือที่รองรับ 3จี ให้มากขึ้น และนำเสนอคอนเทนต์และแอพพลิเคชั่นที่แปลกใหม่ สอดคล้องกับเทคโนโลยีและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค และยังมีการพัฒนารูปแบบสินค้าและบริการของ ไอ-โมบายเพื่อตอบสนองการใช้งานข
ทั้งนี้ ไอ-โมบายได้วางจำหน่ายมือถือที่มีแอพพลิเคชั่นเสริมคำพยากรณ์ ส่งท้ายปลายปีที่ผ่านมา โดยกลุ่มเป้าหมายวางให้เป็นกลุ่มครอบครัว ทุกเพศทุกวัย ทั้งวัยรุ่น วัยทำงาน หรือแม้แต่ผู้สูงอายุ โดยกลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นกลุ่มแมสมาร์เก็ตที่เป็นตลาดหลักของไอ-โมบาย ได้แก่รุ่น i-mobile Hitz 101B โฮโรโฟน สามารถรองรับการใช้งาน 2 ซิม ทุกเครือข่าย ในราคา 1,390 บาท และ i-mobile Hitz 101B โฮโร ลิมิเต็ด อิดิชั่น ซึ่งบรรจุในกล่องของขวัญ พร้อมกิ๊ฟเซตของมงคล จำหน่ายในราคาเพียง 1,990 บาท
สำหรับลูกค้าแต่ละกลุ่มจะมีกลยุทธ์แตกต่างกัน คือกลุ่มเบสิกโฟน จะเป็นกลุ่มที่มีการแข่งขันสูงด้านราคา โดยเฉพาะกับ มือถืออินเตอร์แบรนด์ โดยไอ-โมบายจะเพิ่มความต่างด้วยการนำฟังก์ชั่นเข้ามาเสริมเพื่อสร้างความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภค กลุ่มฟีเจอร์โฟน และสมาร์ทฟีเจอร์โฟนนั้น ที่มีฟังก์ชั่นครบครัน สามารถออนไลน์โซเชียลเน็ตเวิร์ค รวมถึงใช้งานแอพพลิเคชั่นต่างๆ จะเน้นความหลากหลายให้เลือกไม่ซ้ำ มีฟังก์ชั่นที่แตกต่าง ส่วนกลุ่มสมาร์ทโฟน จะเจาะลูกค้ากลุ่ม First Jobber นำเสนอมือถือแอนดรอยด์ 2 ซิม 3 จี ในราคาคุ้มค่า ตั้งแต่ 4,500 — 6,000 บาท มีแอพพลิเคชั่นพิเศษที่เรียกว่า “แอพคาเฟต์" เพื่อรองรับตลาดมือถือสมาร์ทโฟน 3 จี ระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์
นอกจากนี้ไอ-โมบายยังได้พัฒนาแอพพลิเคชั่นที่ตอบสนองการใช้งานสำหรับผู้บริโภคมากขึ้นโดยปลายปีที่ผ่านมา ได้ส่งแอพพลิเคชั่นโฮโร เพื่อให้ลูกค้าได้ใช้บริการเสริมในรูปแบบศาสตร์พยากรณ์ต่าง ๆ บนโทรศัพท์มือถือเบลิกโฟนโดยลูกค้าสามารถใช้บริการหมอดูดัง คำทำนายแห่งโชคลาภ และเลขมงคลหรือบริการ 7 เทพ 7 ศาสตร์ บริการที่รวมหมอดูดังจากศาสตร์พยากรณ์ทุกแนว
โดยตั้งเป้าภายในปี 2555 จะมีลูกค้าใช้บริการแอพพลิเคชั่นโฮโร อย่างต่อเนื่องมากกว่า 50%/จำนวนเครื่องที่จำหน่าย คาดว่ากว่า 10 รุ่นที่รองรับกับแอพพลิเคชั่นโฮโร สำหรับในปีนี้ไอ-โมบายตั้งเป้าจำหน่ายมือถือ โดยแบ่งเป็นกลุ่มมือถือเบสิกโฟน คิดเป็น 50% หรือประมาณ 25 รุ่น กลุ่มฟีเจอร์โฟน และสมาร์ทฟีเจอร์โฟน ที่รองรับการใช้งานโซเชียลเน็ตเวิร์ค คิดเป็น 40% หรือประมาณ 20 รุ่น และกลุ่มสมาร์ทโฟน 3จี แอนดรอยด์ คิดเป็น 10% หรือประมาณ 10 รุ่น
“ด้านตลาดคอนเทนต์ และแอพพลิเคชั่น จะสร้างความแตกต่าง โดยนำเสนอบริการ และการขายในรูปแบบใหม่ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค เช่น Internet TV ดูทีวีได้ทั่วโลกผ่านอินเตอร์เน็ต และInternet Radioสามารถฟังวิทยุได้ทั่วโลกผ่านอินเตอร์เน็ต โดยสามารถใช้งานผ่านแอพพลิเคชั่นในเครื่องได้ทันที " นายฑิตพล กล่าว