นายทรงวุธ เวชชานุเคราะห์ กรรมการ บมจ.คันทรี่ กรุ๊ป ดีเวลลอปเมนท์ (CGD) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ครั้งที่ 3/2555 เมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2555 มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นยืนยันมติที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 2/2554 เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2554 ที่ได้ อนุมัติการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนที่เหลือจากการจองซื้อของผู้ถือหุ้นเดิม ให้แก่ นายสดาวุธ เตชะอุบล นายเบน เตชะอุบล นายบี เตชะอุบล นายทอมมี่ เตชะอุบล นางหลุยส์ ดิศกุล ณ อยุธยา และ น.ส.จุรีพร กวีวิโรจน์กุล จำนวนไม่เกิน 3,700,000,000 หุ้น ราคาเสนอขายหุ้นละ 1 บาท โดยไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ
และอนุมัติผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการโดยอาศัยมติที่ประชุมผู้ถือหุ้น (Whitewash) จากการได้มาซึ่งหลักทรัพย์ข้ามร้อยละ 50 ของสิทธิออกเสียงของกิจการ โดยการผ่อนผันมีระยะเวลา 6 เดือนนับแต่วันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นอนุมัติ ซึ่งกลุ่มผู้ถือหุ้น LDG จะต้องได้หลักทรัพย์มาภายในวันที่ 12 มีนาคม 2555
อย่างไรก็ตาม บริษัทได้ยื่นคำขอต่อตลาดหลักทรัพย์ให้พิจารณารับหลักทรัพย์ใหม่แล้ว ตั้งแต่เดือนกันยายน 2554 แต่เนื่องจากตลาดหลักทรัพย์ได้ขอให้บริษัทยื่นงบการเงินประจำปี 2554 เป็นเอกสารประกอบการพิจารณารับหลักทรัพย์ใหม่ด้วย บริษัทได้จัดทำและส่งงบดังกล่าวให้ตลาดหลักทรัพย์แล้ว เมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2555 ซึ่งจากการรอจัดทำงบการเงินดังกล่าวทำให้กำหนดการที่จะได้รับอนุมัติในหลักการจากตลาดหลักทรัพย์ให้รับบริษัทเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน(Pre-approve) ตามเกณฑ์ Back Door Listing ล่าช้ากว่าที่ประมาณการไว้ ทำให้เงื่อนไขบังคับก่อนของการซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดของ LDG ยังไม่สมบูรณ์ โดยบริษัทยังไม่ได้รับอนุมัติ Pre-approve ภายในกำหนดระยะเวลาผ่อนผัน Whitewash ซึ่งทำให้กลุ่มผู้ถือหุ้น LDG ยังไม่สามารถจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนของบริษัทได้ภายในวันที่ 12 มีนาคม 2555
ทั้งนี้ กลุ่มผู้ถือหุ้น LDG ได้มีหนังสือถึง ก.ล.ต. ขออนุมัติขยายระยะเวลาผ่อนผันการทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของบริษัทออกไป ผ่อนผันให้กลุ่มผู้ถือหุ้นLDG ได้มาซึ่งหุ้นของบริษัทที่เหลือจากการใช้สิทธิจากผู้ถือหุ้นเดิม ข้ามร้อยละ 50 ของสิทธิออกเสียงทั้งหมด โดยไม่ต้องทำคำเสนอซื้อหลักทรัพย์ทั้งหมดของกิจการ ทั้งนี้ให้การผ่อนผันดังกล่าวมีผลตั้งแต่วันที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทมีมติยืนยันการเพิ่มทุนตามมติครั้งก่อน โดยกลุ่มผู้ถือหุ้น LDG ต้องได้มาซึ่งหุ้นบริษัทภายใน 6 เดือนนับแต่วันที่ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทมีมติ แต่ไม่เกินระยะเวลาที่ผู้ถือหุ้นกำหนด
คณะกรรมการบริษัทมีความเห็นว่า การอนุมัติยืนยันมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นดังกล่าว จะทำให้กระบวนการซื้อและรับโอนกิจการทั้งหมดของ LDG เสร็จสมบูรณ์ จะมีผลดีต่อบริษัทและผู้ถือหุ้น โดยทำให้บริษัทได้มาซึ่งโครงการแลนด์มาร์ค วอเตอร์ฟร้อนท์ อันจะเป็นโครงการที่มีศักยภาพสูง สามารถสร้างรายได้ให้บริษัทอย่างยั่งยืนจากธุรกิจโรงแรม Capella และ Jumeirah และขจัดความขัดแย้งทางผลประโยชน์ จากการที่ผู้ถือหุ้นใหญ่และผู้บริหารของบริษัท ประกอบธุรกิจส่วนตัวเป็นธุรกิจประเภทเดียวกันกับบริษัท คือ ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
กำหนดวันและวาระการประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2555 ในวันที่ 30 เมษายน 2555