บริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด ประกาศอันดับเครดิตให้แก่หุ้นกู้ไม่มีประกันในวงเงินไม่เกิน 700 ล้านบาทของ บมจ. ศุภาลัย (SPALI) ที่ระดับ “A-" คงอันดับเครดิตองค์กรของบริษัทที่ระดับ “A-" พร้อมทั้งคงอันดับเครดิตหุ้นกู้ชุดปัจจุบันของบริษัทโดยหุ้นกู้มีประกันอยู่ที่ระดับ “A" และหุ้นกู้ไม่มีประกันอยู่ที่ระดับ “A-" ด้วย โดยแนวโน้มยังคง “Stable" หรือ “คงที่" บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการออกหุ้นกู้ชุดใหม่ไปใช้สำหรับการขยายกิจการ
อันดับเครดิตสะท้อนถึงผลงานที่ยาวนานของบริษัทในตลาดพัฒนาที่อยู่อาศัย ตลอดจนแบรนด์สินค้าที่ได้รับการยอมรับในตลาดผู้มีรายได้ระดับปานกลาง ความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพ และฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม จุดแข็งดังกล่าวลดทอนลงไปบางส่วนจากลักษณะของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่เป็นวงจรขึ้นลง
ทั้งนี้ อันดับเครดิตหุ้นกู้มีประกันของบริษัทได้รับแรงหนุนจากมูลค่าตลาดโดยประมาณของอาคารสำนักงานให้เช่า “ศุภาลัย แกรนด์ ทาวเวอร์" ซึ่งใช้เป็นหลักประกันที่ระดับ 1.7 เท่าของมูลค่าหุ้นกู้คงค้างตลอดอายุของหุ้นกู้ ในขณะที่แนวโน้มอันดับเครดิต “Stable" หรือ “คงที่" สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่าบริษัทจะสามารถรักษาผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งเอาไว้ได้ในระยะปานกลาง โดยคาดว่าบริษัทจะสามารถรักษาอัตรากำไรให้อยู่ในระดับที่สูงกว่าคู่แข่งได้แม้ต้นทุนค่าก่อสร้างจะเพิ่มขึ้นและการแข่งขันจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นก็ตาม นอกจากนี้ แม้จะมีการขยายโครงการอย่างต่อเนื่อง บริษัทก็ควรจะรักษากระแสเงินสดและอัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้เอาไว้
ทริสเรทติ้งรายงานว่า SPALI เป็นหนึ่งในกลุ่มผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของไทยซึ่งก่อตั้งในปี 2532 โดยตระกูลตั้งมติธรรม ณ เดือนมีนาคม 2555 ตระกูลตั้งมติธรรมซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัทถือครองหุ้นในสัดส่วนทั้งสิ้น 28% ณ สิ้นเดือนมีนาคม 2555 บริษัทมีโครงการที่อยู่อาศัย 70 โครงการด้วยมูลค่ายอดขายคงเหลือประมาณ 26,000 ล้านบาท และยังมียอดขายที่รอรับรู้รายได้เป็นจำนวนมากอีกถึงประมาณ 24,000 ล้านบาท หรือประมาณ 2 เท่าของฐานรายได้
โครงการที่อยู่อาศัยของบริษัทประกอบด้วยโครงการคอนโดมิเนียมซึ่งคิดเป็น 65% ของมูลค่าโครงการทั้งหมด และโครงการบ้านจัดสรรอีก 35% ความได้เปรียบในการแข่งขันของบริษัทมาจากความสามารถในการควบคุมต้นทุนการดำเนินงานที่มีประสิทธิภาพซึ่งทำให้บริษัทสามารถเสนอขายที่อยู่อาศัยในราคาที่แข่งขันได้
ยอดขายของบริษัทในปี 2554 เท่ากับ 17,416 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จาก 14,366 ล้านบาทในปี 2553 ซึ่งเป็นผลมาจากการตอบรับที่ดีในโครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในปี 2554 ผลสำเร็จดังกล่าวผลักดันให้ยอดขายคอนโดมิเนียมของบริษัทถึงจุดสูงสุดที่ 12,879 ล้านบาท ส่วนยอดขายในช่วงไตรมาสแรกของปี 2555 ก็เพิ่มขึ้นอย่างมากเป็น 4,921 ล้านบาทจาก 1,975 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2554 โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นนี้เป็นผลมาจากความสำเร็จในการเปิดขายโครงการคอนโดมิเนียมซิตี้รีสอร์ต รัชดา ห้วยขวางซึ่งมียอดขายประมาณ 1,600 ล้านบาทในช่วง 3 เดือนแรกของปี 2555
รายได้รวมของบริษัทเท่ากับ 12,686 ล้านบาทในปี 2554 เพิ่มขึ้น 14% จาก 11,083 ล้านบาทในปี 2553 ทั้งนี้ รายได้จากคอนโดมิเนียมเติบโต 28% จากการโอนคอนโดมิเนียมโครงการซิตี้โฮม รัตนาธิเบศร์ ซิตี้รีสอร์ต รามคำแหงและศุภาลัย ปาร์ค ติวานนท์ ในขณะที่รายได้จากบ้านจัดสรรอยู่ที่ประมาณ 4,900 ล้านบาทต่อปีในช่วงปี 2553-2554
แม้ว่าอัตรากำไรจากการดำเนินงานจะลดลงเล็กน้อยเป็น 32.33% ในปี 2554 จาก 34.90% ในปี 2553 แต่อัตรากำไรของบริษัทก็ยังคงสูงกว่าผู้ประกอบการส่วนใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ กระแสเงินสดของบริษัทยังคงแข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนเงินทุนจากการดำเนินงานต่อเงินกู้รวมที่ระดับ 54.11% ในปี 2553 และ 50.38% ในปี 2554 นอกจากนี้ อัตราส่วนเงินกู้รวมต่อโครงสร้างเงินทุนก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่ 33.33% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554