นายชวลิต จินดาวณิค ประธานสายการเงินและงบประมาณ ธนาคารเกียรตินาคิน(KK) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 1/55(สิ้นสุด 31 มี.ค.55)ธนาคารและบริษัทย่อยมีการขยายตัวของสินเชื่ออย่างต่อเนื่อง สินเชื่อเติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 7% ส่งผลให้ยอดสินเชื่อ รวมเพิ่มขึ้นเป็น 145,311 ล้านบาท ส่วนใหญ่ยังคงเป็นการขยายตัวของสินเชื่อเช่าซื้อรถยนต์ ทั้งรถใหม่และรถมือสอง โดยมีปัจจัยหนุนมาจากยอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังเหตุการณ์มหาอุทกภัยเมื่อปลายปี และมาตรการรถคันแรกของรัฐบาล สำหรับปี 55 นี้ ธนาคารตั้งเป้าสินเชื่อเติบโตทั้งปีที่ 21% ซึ่งคาดว่าผลการดำเนินงานจะเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
จากการที่ธนาคารได้ปรับโครงสร้างองค์กรเพื่อให้สอดคล้องกับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ โดยแบ่งธุรกิจสินเชื่อออกเป็น สินเชื่อรายย่อย สินเชื่อธุรกิจ และสินเชื่อสายบริหารหนี้ โดยมียอดการให้สินเชื่อ ได้แก่ สินเชื่อธนาคารรายย่อย (เช่าซื้อรถยนต์ สินเชื่อบุคคล Micro SMEs และสินเชื่อเคเหะ) มียอดรวมอยู่ที่ 110,850 ล้านบาท หรือคิดเป็น 76.3% ของสินเชื่อรวม ส่วนสินเชื่อธุรกิจ (ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจ SMEs) มียอดรวมที่ 32,348 ล้านบาท คิดเป็น 22.3% ของสินเชื่อรวม ที่เหลือคือสินเชื่อสายบริหารหนี้ อยู่ที่ 1,537ล้านบาท
สำหรับหนี้สินรวม (เงินฝาก หุ้นกู้ ตั๋วบีอี และหนี้สินอื่นๆ) มีจำนวน 177,214 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.9% จากสิ้นปี 2554 แบ่งเป็นเงินฝาก 77,875 ล้านบาท (44%) ตั๋วแลกเงิน 64,482 ล้านบาท (36%) หุ้นกู้ 21,800 ล้านบาท (12%) และอื่นๆ 13,057 ล้านบาท (7%)
ทั้งนี้ ธนาคารและบริษัทย่อย มีกำไรสุทธิรวม 577 ล้านบาท ลดลง 7.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิลดลง 10% ในส่วนของสินทรัพย์รวมอยู่ที่ 201,957 ล้านบาท มีเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 15.10% โดยเป็นเงินกองทุนในชั้นที่ 1 ถึง 14.40% ในส่วนของหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) เฉพาะธนาคารอยู่ที่ 3.5% ของสินเชื่อรวม ซึ่งเท่ากับสิ้นปี 2554 ที่ 3.5% เช่นกัน
สำหรับความคืบหน้าในการดำเนินงานเพื่อร่วมกิจการและร่วมบริหารงานกับ บมจ.ทุนภัทร (PHATRAน) ภายหลังจากที่คณะกรรมการธนาคารและทุนภัทรมีมติเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 54 อยู่ระหว่างขออนุมัติการร่วมกิจการจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นประจำปี 55 ของธนาคารในวันที่ 26 เมษายน 55