(เพิ่มเติม) SCC เผยงวด Q1/55 มีกำไร 5,972 ลบ.ลดลง 35% จาก Q1/54 ตาม margin

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday April 25, 2012 13:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย (SCC) เปิดเผยผลประกอบการงวดไตรมาส 1/55 กลุ่มปูนซิเมนต์ไทย(เอสซีจี)มีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 5,972 ล้านบาท ลดลง 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจาก Margin ที่ลดลงของธุรกิจเคมีภัณฑ์จากการที่มีกำลังการผลิตในตลาดโลกเกินความต้องการประกอบกับปริมาณความต้องการในตลาดโลกที่ลดลง เอสซีจีมี EBITDA เท่ากับ 10,301 ล้านบาท ลดลง 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการขายเท่ากับ 102,884 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณและราคาผลิตภัณฑ์ของธุรกิจส่วนใหญ่ในเอสซีจีปรับตัวเพิ่มขึ้น

เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/54 เอสซีจีมีกำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้น 87% เนื่องจากธุรกิจซิเมนต์และธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้างฟื้นตัวจากสถานการณ์น้ำท่วมในช่วงปลายปีก่อน เอสซีจีมี EBITDA เพิ่มขึ้น 29% จากไตรมาสก่อน และมีรายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 17% จากไตรมาสก่อน

ไตรมาส 1/55 เอสซีจีมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม 344 ล้านบาท ลดลง 2,697 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจาก Margin ที่ลดลงของบริษัทร่วมในธุรกิจเคมีภัณฑ์ โดยเฉพาะธุรกิจ PTA ประกอบกับ บริษัทร่วมในธุรกิจการลงทุนมีการรับรู้ค่าเสียหายประมาณ 500 ล้านบาท จากสินทรัพย์ที่ได้รับความเสียหายจากน้ำท่วม ซึ่งอยู่ระหว่างการเคลมประกัน

เอสซีจีมีรายได้เงินปันผลรับ เท่ากับ 974 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยเอสซีจีมีเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม (เอสซีจีถือหุ้น 20-50%) เท่ากับ 466 ล้านบาท และจากบริษัทอื่นที่เอสซีจี ถือหุ้นต่ำกว่า 20% เท่ากับ 508 ล้านบาท

ณ สิ้นไตรมาส 1/55 มีเงินสดและเงินสดภายใต้การบริหาร 44,827 ล้านบาท แม้ว่าในระหว่างงวดจะมีรายจ่ายลงทุนและการซื้อธุรกิจถึง 20,025 ล้านบาท ทั้งนี้ เอสซีจีมีเงินทุนหมุนเวียนสุทธิเท่ากับ 52,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 2,244 ล้านบาท จากสินค้าคงเหลือที่เพิ่มขึ้น

SCC รายงานธุรกิจในแต่ละกลุ่มว่า เอสซีจี เคมิคอลส์ไตรมาส 1/55 ราคา Naphtha เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ $1,021 ต่อตัน เพิ่มขึ้นจาก ไตรมาสก่อน $132 ต่อตัน และเพิ่มขึ้น $105 ต่อตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้น ราคา Ethylene เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ $1,251 ต่อตัน ปรับตัวเพิ่มขึ้น $190 ต่อตันจากไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น $12 ต่อตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นไปตามราคาวัตถุดิบปรับตัวสูงขึ้น ประกอบกับความกังวลในความเพียงพอของปริมาณ Ethylene จากตะวันออกกลาง

ราคา Propylene เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ $1,281 ต่อตันลดลง $1 ต่อตัน จากไตรมาสก่อน และลดลง $98 ต่อตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณความต้องการ PP ยังคงลดต่ำลง สำหรับราคา HDPE ในไตรมาสที่ 1 ปี 2555 เฉลี่ยอยู่ที่ $1,395 ต่อตัน เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน $66 ต่อตัน จากการปรับตัวสูงขึ้นตามราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้น ราคา PP คงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน เฉลี่ยอยู่ที่ $1,429 ต่อตัน ในขณะที่ลดลง $204 ต่อตัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากความต้องการผลิตภัณฑ์ลดลง

ปริมาณขาย Polyolefins (PE และ PP) ในไตรมาสนี้ คงที่เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนเท่ากับ 433,000 ตัน ในขณะที่เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณการขายในประเทศเพิ่มขึ้น PVC ในไตรมาสนี้มีส่วนต่างระหว่างราคา PVC และ EDC/C2 เฉลี่ยอยู่ที่ $424 ต่อตันเพิ่มขึ้น $17 ต่อตัน จากไตรมาสก่อน เนื่องจากราคา Ethylene ปรับตัวสูงขึ้น Butadien มีส่วนต่างระหว่างราคา BD และ Naphtha สูงขึ้น เนื่องจากปริมาณความต้องการเพิ่มสูงขึ้น ส่วนต่างระหว่างราคา PTA และ PX ยังคง อยู่ในระดับต่ำ ในขณะที่ ส่วนต่างระหว่างราคา MMA และ Naphtha ยังคงทรงตัวจากไตรมาสก่อน

รายได้จากการขายของเอสซีจี เคมิคอลส์ ในไตรมาสนี้ เท่ากับ 52,900 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อน และ 9% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณขายที่สูงขึ้น ในขณะที่มี EBITDA เท่ากับ 894 ล้านบาท ลดลง 55% เมื่อเทียบ กับไตรมาสก่อน จาก Margin ที่ลดลงในช่วงขาลง จากการที่มีกำลังการผลิตในตลาดโลกเกินความต้องการ ประกอบกับปริมาณความต้องการในตลาดโลกที่ลดลงธุรกิจมีส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมเท่ากับ 476 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน ส่วนใหญ่จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจ PTA ในขณะที่ลดลง 82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากผลประกอบการของธุรกิจ PTA ซึ่งไม่ได้สูงมากเท่ากับไตรมาส 1/54 ซึ่งเป็นช่วงสถานการณ์ที่ขาดแคลนฝ้าย กำไรสำหรับงวดเท่ากับ 1,240 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84% จากไตรมาสก่อน ในขณะที่ลดลง 74% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

เอสซีจี เปเปอร์ ปริมาณขายของกระดาษบรรจุภัณฑ์ทั้งจากฐานการผลิตในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เพิ่มขึ้น 5% จากไตรมาสก่อน และ 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากปริมาณการขายในประเทศเพิ่มขึ้นจากความต้องการที่เพิ่มขึ้นภายหลังจากสถานการณ์น้ำท่วม ธุรกิจมีปริมาณการส่งออกกระดาษบรรจุภัณฑ์คิดเป็น 12% ของปริมาณขายรวมขณะที่ในไตรมาส 1/54 มีปริมาณการส่งออกคิดเป็น 11% ราคาเศษกระดาษเท่ากับ $235 ต่อตัน เพิ่มขึ้น $10 ต่อตัน จากไตรมาสก่อน

อย่างไรก็ตาม ราคาเฉลี่ยของกระดาษบรรจุภัณฑ์ในภูมิภาคปรับลดลงจากไตรมาสก่อน $10 ต่อตัน มาอยู่ที่ระดับ $505 ต่อตัน ปริมาณขายกล่องกระดาษลูกฟูกเพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณความต้องการของลูกค้าทุกกลุ่มเพิ่มขึ้น 16% ในขณะที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ลดลง 8% เป็นผลจากสถานการณ์น้ำท่วมซึ่งส่งผลต่อกำลังการผลิตของกลุ่มลูกค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับกระดาษพิมพ์เขียน ปริมาณขายในไตรมาสนี้ เพิ่มขึ้น 15% จากไตรมาสก่อน ขณะที่ลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณการขายในประเทศและปริมาณการส่งออกลดลง

ในไตรมาสนี้ปริมาณการส่งออกกระดาษพิมพ์เขียน คิดเป็น 24% ของปริมาณขายรวม เท่ากับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยราคาขายของกระดาษพิมพ์เขียนในภูมิภาคของไตรมาสนี้อยู่ที่ระดับ $855 ต่อตัน ลดลงจากไตรมาสก่อน $15 ต่อตัน ซึ่งเป็นไปตามราคาเยื่อกระดาษใยยาวที่ลดลง $45 ต่อตัน จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ $690 ต่อตัน เนื่องจากมีความต้องการลดลงในขณะที่มีกำลังการผลิตเกินความต้องการในภูมิภาค แม้ว่าราคาเยื่อกระดาษใยสั้นเพิ่มขึ้น $35 ต่อตันจากไตรมาสก่อนมาเฉลี่ยอยู่ที่ $605 ต่อตันก็ตาม

ไตรมาส 1/55 เอสซีจี เปเปอร์ มีรายได้จากการขาย เท่ากับ 13,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณการขายของทั้งกระดาษบรรจุภัณฑ์และกระดาษพิมพ์เขียนเพิ่มขึ้น จากปริมาณความต้องการในประเทศเริ่มฟื้นตัว และเพิ่มขึ้น 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากธุรกิจกระดาษบรรจุภัณฑ์ EBITDA เท่ากับ 2,215 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 41% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ตามรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่ลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนจากต้นทุนการผลิตที่เพิ่มสูงขึ้น ธุรกิจมีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 1,010 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 187% จากไตรมาสก่อน ในขณะที่ลดลง 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

เอสซีจี ซิเมนต์ ความต้องการในตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศมีมูลค่า 7.6 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 13% จากไตรมาสก่อน และ 6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้นของทุก Sector โดยเฉพาะภาคธุรกิจที่อยู่อาศัยในต่างจังหวัด ระดับราคาของปูนเทาในประเทศอยู่ที่ 1,800 — 1,850 บาทต่อตัน ปริมาณการส่งออกปูนซีเมนต์ในไตรมาสนี้ เท่ากับ 1.9 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 58% จากไตรมาสก่อน ราคา FOB เฉลี่ยในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ระดับ $49.1 ต่อตัน

รายได้จากการขายของเอสซีจี ซิเมนต์ เท่ากับ 16,091 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28% จากไตรมาสก่อน และ 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมี EBITDA เท่ากับ 3,915 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 60% จากไตรมาสก่อน จากปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น กำไรสำหรับงวดของธุรกิจในไตรมาสนี้เท่ากับ 2,519 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 108% จากไตรมาสก่อน และ 12% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง มีรายได้จากการขายเท่ากับ 10,315 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากไตรมาสก่อน และ 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณความต้องการของกระเบื้องเซรามิกและอิฐมวลเบาที่สูงขึ้น รวมทั้งการเข้าซื้อกิจการในบริษัท KIA ธุรกิจมี EBITDA ในไตรมาสนี้ เท่ากับ 1,917 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 137% จากไตรมาสก่อน และ 35% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยธุรกิจมีกำไรสำหรับงวด 893 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 70% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนในขณะที่ไตรมาสก่อนมีผลการดำเนินงานขาดทุน

เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น มีรายได้ 32,304 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากฟื้นตัวภายหลังน้ำท่วม และเพิ่มขึ้น 13% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลจากการรวมผลการดำเนินงานของบริษัท KOKOH ซึ่งเป็นธุรกิจจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในประเทศอินโดนีเซีย มี EBITDA เท่ากับ 542 ล้านบาท ลดลง3% จาก ปีก่อน ในขณะที่มีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 363 ล้านบาทข้อมูลทางการเงิน

ไตรมาส 1/55 SCC มีหนี้สินสุทธิ 125,574 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/54 จำนวน13,460 ล้านบาท ในขณะที่มีกระแสเงินสดจ่าย 20,025 ล้านบาท สำหรับรายจ่ายลงทุนและเงินลงทุน อัตราส่วนหนี้สินสุทธิต่อ EBITDA เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 3.0 เท่าเป็นผลจาก EBITDA ที่ลดลงในช่วงขาลงของธุรกิจเคมีภัณฑ์ ต้นทุนทางการเงินในไตรมาสนี้ เท่ากับ 1,242 ล้านบาท โดยมีอัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยของไตรมาสนี้เท่ากับ 4.3% รายจ่ายลงทุนและเงินลงทุน มีมูลค่าการลงทุนเท่ากับ20,025 ล้านบาท ส่วนใหญ่จากการลงทุนซื้อหุ้นในบมจ.ไทยพลาสติกและเคมีภัณฑ์(TPC)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ