นายทรงพล ชีวะปัญญาโรจน์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดเผยว่า ธนาคารได้ร่วมกับมูลนิธิคลินตัน (Clinton Foundation) ของอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน สหรัฐอเมริกา บริษัท อัซบิล (ประเทศไทย) บริษัท ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) และบริษัท เทรน (ประเทศไทย) ดำเนินโครงการรับประกันการประหยัดพลังงานแก่ผู้ประกอบการไทย โดยจะให้คำปรึกษาด้านการประหยัดพลังงานอย่างครบวงจรแก่ผู้ประกอบการ ซึ่งจะรับประกันผลการประหยัดพลังงานที่ได้จากการลงทุนในโครงการด้วย
ความร่วมมือครั้งนี้ มูลนิธิคลินตันจะให้คำปรึกษาด้านการจัดการการใช้พลังงานในด้านต่าง ๆ รวมถึงการพัฒนาและให้การสนับสนุนการจัดทำสัญญาพลังงาน (Energy Performance Contract) ในรูปแบบมาตรฐานสากล ในขณะที่อีก 3 บริษัท ก็เป็นบริษัทจัดการด้านพลังงานที่มีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับระบบการใช้พลังงานสำหรับภาคอุตสาหกรรม และองค์กรในภาคธุรกิจ ให้มีการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพสูง และเป็นไปตามมาตรฐานสากล โดยบริษัท อัซบิล (ประเทศไทย) จะให้คำปรึกษาเรื่องระบบการจัดการ และควบคุมการใช้พลังงานอัตโนมัติในอาคารและสำนักงาน บริษัท ฟิลิปส์ อิเล็กทรอนิกส์ (ประเทศไทย) จะดูแลเกี่ยวกับระบบไฟฟ้าและแสงสว่าง และบริษัท เทรน (ประเทศไทย) จะดูแลเกี่ยวกับอุปกรณ์เกี่ยวกับความเย็นที่ประหยัดพลังงานสูง
ส่วนธนาคารจะให้การสนับสนุนสินเชื่อรับประกันการประหยัดพลังงานกสิกรไทย (K-Energy Saving Guarantee Program) ในวงเงินสินเชื่อสูงสุด 100% ของเงินลงทุนทั้งหมดของโครงการ โดยจะสนับสนุนวงเงินกู้ระยะยาวจากธนาคารกสิกรไทย และวงเงินลิสซิ่งหรือเช่าซื้อเครื่องจักรและอุปกรณ์ (K-Equipment Financing) จาก บริษัท แฟคเตอรีแอนด์อีควิปเมนท์ กสิกรไทย เพื่อให้ผู้ประกอบการนำไปลงทุนพัฒนาระบบจัดการด้านพลังงานให้ประหยัดพลังงานสูงสุด หรือเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์ที่มีประสิทธิภาพในการประหยัดพลังงานมากขึ้น ซึ่งจะสร้างความเข้มแข็งให้ผู้ประกอบการสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายได้ในระยะยาว และส่งผลต่อการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจของประเทศในภาวะวิกฤติการณ์ด้านพลังงานที่ยังคงเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายสำหรับการเข้าร่วมโครงการรับประกันการประหยัดพลังงาน ได้แก่ กลุ่มผู้ประกอบการขนาดเล็กถึงขนาดกลาง รวมถึงกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่ ที่มีค่าใช้จ่ายและต้นทุนด้านพลังงานสูง โดยการลดต้นทุนด้านพลังงานจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้แก่ผู้ประกอบการ รวมทั้งสร้างโอกาสในการเข้าถึงตลาดระดับสากลที่มีแนวโน้มจะให้ความสำคัญแก่สินค้าและบริการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เช่น ตลาดสหภาพยุโรป และญี่ปุ่น ทั้งนี้ธนาคารคาดว่าจะสามารถให้การสนับสนุนสินเชื่อโครงการดังกล่าวประมาณ 3,000 ล้านบาท