นายกิตติ ชีวะเกตุ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บมจ.แอซอร์บเบ้นท์ แอนด์ เคมิคัลส์ (UAC) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติในหลักการให้ลงทุนในการก่อสร้างโครงการโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียม จังหวัดสุโขทัย ขนาดกำลังการผลิตรวมประมาณ 19,681 ตันต่อปี แบ่งเป็น CNG 12,036 ตันต่อปี LPG 6,300 ตันต่อปี และ NGL 1,345 ตันต่อปี ด้วยงบลงทุนในโครงการทั้งสิ้นประมาณ 620 ล้านบาท
และมีมติอนุมัติการเช่าที่ดินสำหรับใช้ในโครงการโรงงานผลิตผติตภัณฑ์ปิโตรเลียม รวมถึงอนุมัติการเข้าทำสัญญาซื้อ Associated Gas จากบริษัท สยามโมเอโกะ จำกัด และบริษัท GS Caltex Corporation เพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตของโครงการโรงงานผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมดังกล่าว
นอกจากนี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติแต่งตั้ง บริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด หรือ APM เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อทำหน้าที่ให้ความเห็นเกี่ยวกับการเข้าทำรายการได้มาซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทต่อผู้ถือหุ้นตามประกาศรายการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์
อนุมัติกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2555 ในวันที่ 27 มิ.ย. 55 เวลา 14.00 น. เพื่ออนุมัติการเข้าทำรายการดังกล่าว โดยกำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น และให้รวบรวมรายชื่อตามม.225 ของพ.ร.บ.หลักทรัพย์ฯ โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 30 พ.ค. 55
นายชัชพล ประสพโชค รองกรรมการผู้จัดการ UAC เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทคาดว่าโรงงานผลิตก๊าซดังกล่าวจะแล้วเสร็จและเริ่มรับรู้รายได้ในไตรมาส 1/56 โดยเซ็นสัญญาซื้อปิโตรเลียมจากแหล่งดังกล่าวเวลา 3-5 ปี ซึ่งสามารถต่อสัญญาได้ โดยคาดว่าจะมีปริมาณสำรอง 10-15 ปี อย่างไรก็ตาม บริษัทประมาณการว่าโรงแยกก๊าซจะคืนทุนใน 3 ปี ประเมินผลตอบแทนในการลงทุน 15% หรือทำรายได้ต่อปีราว 300 ล้านบาท โดยผลผลิตทั้งหมดจะขายให้กับ บมจ.ปตท.(PTT)
ทั้งนี้ รายได้และกำไรในไตรมาส 1/55 ของบริษัทออกมาดี โดยเฉพาะกำไรเฉพาะกิจการปีนี้จะสูงกว่าปี 54 เพราะโรงงานไบโอดีเซล บริษัท บางจากไบโอฟูเอล จำกัด เดินเครื่องสูงกว่า 100% และได้เพิ่มกำลังการผลิตอีก 20% จาก 300,000 ลิตรต่อวันโดยเริ่มผลิตได้ในเดือน พ.ค.ซึ่งจะส่งผลดีต่อรายได้บริษัทในไตรมาส 2/55
และทั้งปี 55 คาดว่ารายได้จะสูงกว่า 1 พันล้านบาท จากปีก่อน 940 ล้านบาท และยังคงแผนว่าใน 3 ปี(54-56) บริษัทจะมีรายได้เป็น 2 เท่า จาก 940 ล้านบาทด้วย