บมจ. นิปปอนแพ็ค (ประเทศไทย) (NIPPON) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 25 พ.ค.55 มีมติอนุมัติให้เปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้ของหุ้นสามัญของบริษัทจากมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท เป็นมูลค่าที่ตราไว้ หุ้นละ 1 บาท โดยการเปลี่ยนแปลงมูลค่าที่ตราไว้นี้ จะทำให้จำนวนหุ้นสามัญของบริษัทเพิ่มขึ้นจากเดิมจำนวน 12,200,000 หุ้น เป็นจำนวน 122,000,000 หุ้น
พร้อมทั้ง อนุมัติการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลจากผลประกอบการระหว่างวันที่ 1 มกราคม 2555 - 31 มีนาคม 2555 โดยจ่ายเป็นเงินสดในอัตรา 0.06 บาทต่อหุ้น ซึ่งบริษัทจะจ่ายเงินปันผลที่เป็นเงินสดจำนวนทั้งสิ้น 7,320,000 บาท เพื่อรองรับการถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย และ จ่ายปันผลเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 61,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมในสัดส่วน 2 หุ้นสามัญเดิม ต่อ 1 หุ้นสามัญใหม่
กรณีที่ผู้ถือหุ้นรายใดมีเศษของหุ้นเดิมหลังการจัดสรรหุ้นปันผลแล้ว บริษัทฯจะจ่ายปันผลเป็นเงินสดแทนในอัตราหุ้นละ 0.50 บาท สำหรับมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท (หรือคิดเป็น 5.00 บาท กรณีเป็นมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท) รวมเป็นการจ่ายหุ้นปันผลและเงินปันผลรวมทั้งสิ้นในอัตราหุ้นละ 0.56 บาท โดยเงินปันผลทั้งหมดจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายในอัตราร้อยละ 10 จากเงินที่ผู้ถือหุ้นจะได้รับหุ้นปันผลและเงินปันผล
ทั้งนี้ บริษัทจะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผลระหว่างกาลและได้รับการจัดสรรหุ้นปันผลในวันที่ 9 กรกฎาคม 2555 (Record Date) และรวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 แห่งพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ.2535 โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 10 กรกฎาคม 2555 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) วันที่ 5 กรกฎาคม 2555 และกำหนดการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลและการจัดสรรหุ้นปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นในวันที่ 27 กรกฎาคม 2555
นอกจากนี้ อนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนอีกจำนวน 61,000,000 บาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญเพิ่มทุน จำนวน 61,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาทเพื่อรองรับการจัดสรรหุ้นปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิม ซึ่งภายหลังจากการเพิ่มทุนจดทะเบียนบริษัทจะมีทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นจากจำนวน 122,000,000 บาท เป็นจำนวน 183,000,000 บาท โดยแบ่งออกเป็นหุ้นสามัญ จำนวน 183,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท
ที่ประชุมคณะกรรมการยังมีมติอนุมัติให้บริษัทฯ ซื้อหุ้นสามัญของบริษัท ไทยเฟลคซิเบิลแพค จำกัด(TFP)ทำธุรกิจผลิตและจำหน่ายบรรจุภัณฑ์พลาสติกชนิดอ่อน (Flexible Packaging) ให้กับกลุ่มผู้ผลิตอาหารทุกประเภทและกลุ่มผู้ผลิตของใช้ประจำวัน จากผู้ถือหุ้นเดิมในจำนวน 33,000 หุ้น หรือเทียบเท่ากับร้อยละ 55 ของหุ้นทั้งหมดในมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 บาท โดยกำหนดราคาซื้อขายหุ้น จำนวนไม่เกิน 55,000,000 บาท
วัตถุประสงค์ในการซื้อหุ้นเพื่อขยายกิจการและเพิ่มสายการผลิตผลิตภัณฑ์ และ บริษัทสามารถสร้างกำลังผนึกทางธุรกิจ (Business Synergy) กับ TFP ที่จะแข่งขันและต่อรองกับลูกค้าของบริษัทและ TFP ได้มากขึ้น