(เพิ่มเติม1) PTTEP เพิ่มทุน 650 ล้านหุ้น จัดสรรขาย PTT-PO คาดได้เงิน 9.8 หมื่นลบ.

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday July 20, 2012 18:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเทวินทร์ วงศ์วานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม (PTTEP) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนและจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 650 ล้านหุ้น

ทั้งนี้ บริษัทจะจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเสนอขายให้แก่ บมจ. ปตท (PTT) จำนวนไม่เกิน 403,395,000 หุ้น ในราคาเสนอขายที่ได้จากกระบวนการกการสารวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์จากนักลงทุนสถาบัน (Book Building) และ จำนวนไม่เกิน 214,443,000 หุ้นให้แก่ประชาชนทั่วไป ในราคาเสนอขายที่ได้จากกระบวนการ Book Building

รวมทั้ง จัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนจานวนไม่เกิน 32,162,000 หุ้น เสนอขายให้แก่ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (over-allotment agent) ในราคาเสนอขายที่ได้จากกระบวนการ Book Building โดยผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินได้รับสิทธิที่จะซื้อหุ้นเพิ่มเติมจากบริษัทฯ เพื่อประโยชน์ในการรักษาระดับราคาของหุ้นที่เสนอขาย (Stabilization) ซึ่งผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (over-allotment agent) สามารถใช้สิทธิในการซื้อหุ้นเพิ่มเติมดังกล่าวจากบริษัทฯ ได้ ภายใน 30 วันนับแต่วันถัดจากวันปิดการเสนอขายหุ้นทั้งหมด

บริษัทจะลดทุนจดทะเบียนของบริษัทฯ จาก 3,322,000,000 บาท เป็น 3,319,985,400 บาท โดยวิธีการตัดหุ้นจดทะเบียนที่ยังไม่ได้นาออกจำหน่าย 2,014,600 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท จากนั้นจึงเพิ่มทุนจดทะเบียนของบริษัท 3,319,985,400 บาท เป็น 3,969,985,400 บาท โดยการออกหุ้นสามัญใหม่จานวน 650,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท

บริษัทจะแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จากัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระ เพื่อให้ความเห็นเกี่ยวกับการตกลงเข้าทารายการที่เกี่ยวโยงกันในการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่ PTT และอนุมัติกาหนดระเบียบวาระการประชุม วัน เวลาและสถานที่สาหรับการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2555 ในวันที่ 24 สิงหาคม 2555

ขณะที่ บมจ.ปตท. (PTT)ระบุว่าที่ประชุมคณะกรรมการ ปตท. ในการประชุมครั้งที่ 7/2555 เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2555 ได้มีมติอนุมัติให้การสนับสนุนการเพิ่มทุนจดทะเบียนของ PTTEP โดย ปตท.จะซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ PTTEP จำนวนไม่เกิน 403,395,000 เพื่อคงสัดส่วนการถือหุ้นเดิมที่ประมาณร้อยละ 65.29 ก่อนการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกิน (Overallotment Agent) ในราคาที่เสนอขาย ซึ่งจะพิจารณาจากการสำรวจความต้องการซื้อหลักทรัพย์ของนักลงทุนสถาบัน (Book Building)

และ อนุมัติให้ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินยืมหุ้นสามัญของ PTTEP ที่ถือโดย ปตท. จำนวนไม่เกิน 32,162,000 หุ้น โดยมีวัตถุประสงค์ให้ผู้จัดหาหุ้นส่วนเกินใช้เป็นกลไกในการรักษาเสถียรภาพของระดับราคาหุ้น(Stabilization) ในช่วงระยะเวลา 30 วันนับแต่วันถัดจากวันปิดการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ PTTEP

นายเทวินทร์ กล่าวว่า บริษัทได้ศึกษาแผนการเงินเพื่อรองรับการขยายธุรกิจแบบก้าวกระโดดในการเพิ่มกำลังการผลิตตามเป้าหมาย 900,000 บาร์เรลต่อวันในปี 2563 และได้ข้อสรุปว่า เพื่อให้โครงสร้างเงินทุนมีความเข้มแข็ง บริษัทควรเพิ่มทุนประมาณ 98,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการสำรวจ พัฒนา รวมทั้งการผลิตน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และขยายการลงทุนไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วโลกในการหาแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติเพื่อเป็นการตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของความต้องการใช้พลังงานของประเทศไทย

เนื่องจากราคาเสนอขายหุ้นสามัญของบริษัทในครั้งนี้ จะเป็นราคาที่อ้างอิงกับราคาหุ้นของบริษัทซึ่งทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย การกำหนดราคาจะทำโดยวิธี Book Building ซึ่งเป็นการสำรวจปริมาณความต้องการซื้อหุ้นจากผู้ลงทุนสถาบันทั้งในประเทศและต่างประเทศที่ระดับราคาต่างๆ ซึ่งเป็นวิธีการที่มีความโปร่งใส และใช้กันอย่างแพร่หลายในการเสนอขายหุ้นทั้งในประเทศและในต่างประเทศ

ในการกำหนดจำนวนหุ้นสุดท้ายในการเสนอขาย บริษัทพิจารณาจากจำนวนเงินทุนที่ต้องการและราคาเสนอขายสุดท้าย ดังนั้น จำนวนหุ้นเพิ่มทุนที่บริษัทต้องออกเพิ่ม อาจไม่ถึงจำนวน 650 ล้านหุ้น แต่จะเป็นจำนวนที่ทำให้บริษัทได้รับเงินจำนวนประมาณ 98,000 ล้านบาท ซึ่งขึ้นกับราคาเสนอขายหุ้นที่จะได้มีการกำหนดต่อไป

"เงินทุนที่จะได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้ จะช่วยเสริมความแข็งแกร่งและความคล่องตัวทางการเงิน ทำให้บริษัทมีความสามารถในการลงทุนเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในระยะยาว ให้สามารถบรรลุเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทสำรวจและผลิตปิโตรเลียมชั้นนำของภูมิภาคเอเชีย ที่มุ่งมั่นสร้างมูลค่าเพิ่มและเติบโตอย่างยั่งยืน โดยมีมาตรฐานการดำเนินงานที่เป็นเลิศ ลงทุนตามแผนยุทธศาสตร์ และคล่องตัวในการเปลี่ยนแปลง"นายเทวินทร์ กล่าว

ทั้งนี้ จากแผนการผลิตของบริษัทซึ่งมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในระยะ 2 — 3 ปีนี้ ทำให้การเพิ่มทุนครั้งนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมเพราะจะสามารถรักษาผลตอบแทนของผู้ถือหุ้นในระยะสั้นและเสริมสร้างการเติบโตได้ในระยะยาว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ