DRT รุกตลาดลูกค้าโครงการ หวังเพิ่มฐานรายได้ปีนี้เป็น 8-10%

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday July 23, 2012 13:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายสาธิต สุดบรรทัด รองกรรมการผู้จัดการสายการขายและการตลาด บมจ. ผลิตภัณฑ์ตราเพชร (DRT) เปิดเผยว่า บริษัทมีแผนรุกขยายตลาดลูกค้าโครงการให้มากขึ้น ด้วยจุดเด่นความพร้อมจากสินค้าที่หลากหลายภายใต้แบรนด์ตราเพชร จากกลยุทธ์ Everything in One เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากลูกค้าโครงการให้มากขึ้น

และจากความพร้อมของสินค้าดังกล่าว ส่งผลให้ขีดความสามารถทางการแข่งขันและการตลาดในการเจาะลูกค้าโครงการของบริษัทฯ เพิ่มมากขึ้น ทำให้ตราเพชรสามารถสร้างสัดส่วนการขายเพิ่มขึ้น จากเดิมที่มีเพียงกระเบื้องมุงหลังคาที่คิดเป็น 1-2% ของต้นทุนราคาบ้าน แต่ปัจจุบันมีระบบหลังคาที่ครอบคลุมตั้งแต่โครงหลังคา ไม้เชิงชาย และกระเบื้องมุงหลังคา ทำให้ผลิตภัณฑ์ตราเพชรขายสินค้าเพิ่มขึ้นเป็น 3-5% ของต้นทุนราคาบ้านต่อหลัง ซึ่งหากนับรวมกับการขายสินค้ากลุ่มไม้สังเคราะห์แล้ว เชื่อว่า สัดส่วนการขายสินค้าให้กับลูกค้าโครงการจะเพิ่มมากขึ้นทำให้บริษัทมั่นใจว่า สัดส่วนรายได้จากฐานลูกค้าที่มาจากยอดขายลูกค้าโครงการในปีนี้จะเพิ่มสัดส่วนเป็น 8-10% จากยอดขายรวมในปีนี้ที่ตั้งเป้าเติบโตไว้ที่ 10%

สำหรับแผนการทำตลาดลูกค้าโครงการนั้น บริษัทฯ จะส่งทีมเข้าไปแนะนำสินค้ากับกลุ่มสถาปนิกผู้ออกแบบโครงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อนำเสนอสินค้าตราเพชรหลากหลาย ทั้งระบบหลังคา ประกอบด้วยโครงหลังคา ไม้เชิงชาย กระเบื้องมุงหลังคา ไม้สังเคราะห์ที่นำไปใช้เป็นผนังและฝ้า ซึ่งเป็นสินค้าที่จำเป็นต้องใช้ในการก่อสร้างที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ พร้อมบริการด้านการติดตั้งด้วยทีมช่างที่มีความเชี่ยวชาญช่วยสนับสนุนงานก่อสร้าง เพื่อช่วยเหลือผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์บริหารจัดการด้านการก่อสร้างได้เร็วขึ้นและลดต้นทุนการก่อสร้างลงได้ เพื่อหลีกเลี่ยงการแข่งขันด้านราคา ส่งผลดีต่อภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของแบรนด์ตราเพชรให้เป็นที่ยอมรับจากลูกค้าโครงการได้มากขึ้น

นายสาธิต กล่าวถึงภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์มีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจน หลังจากผู้ประกอบการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ได้เร่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น จากช่วงที่ผ่านมาภาคอสังหาริมทรัพย์ได้ชะลอการเปิดโครงการใหม่หลังจากได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำท่วมที่ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของผู้ที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัย

“ภาคอสังหาริมทรัพย์มีสัญญาณฟื้นตัวที่ชัดเจนขึ้นตั้งแต่ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา โดยเฉพาะกลุ่มบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮ้าส์ หลังจากที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชะลอการเปิดตัวโครงการใหม่จากภาวะน้ำท่วมในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ความต้องการสินค้ากลุ่มวัสดุก่อสร้างมีการเติบโตที่ดีขึ้น " นายสาธิตกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ