SCC เผยกำไร Q2/55 วูบ 43% ขาดทุนสต็อก-ปิโตรเคมีขาลง-รับผลไฟไหม้ รง.BST

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday July 25, 2012 14:01 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย(SCC) เปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2/55 บริษัทและบริษัทย่อย(กลุ่มเอสซีจี)มีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 4,280 ล้านบาท ลดลง 43% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากมีขาดทุนจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือประมาณ 2,000 ล้านบาท จากทั้งบริษัทย่อยและบริษัทร่วมในธุรกิจเคมีภัณฑ์และได้รับผลกระทบจากการหยุดการผลิตของบริษัท กรุงเทพ ซินธิติกส์ จำกัด (BST)

ทั้งนี้ เอสซีจีมี EBITDA เท่ากับ 12,178 ล้านบาท ลดลง 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการขายเท่ากับ 100,541 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากการเติบโตของธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้าง

เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนเอสซีจีมีกำไรสำหรับงวดลดลง 28% เนื่องจากเป็นฤดูกาลที่ปริมาณความต้องการสินค้าในธุรกิจซิเมนต์และธุรกิจผลิตภัณฑ์ก่อสร้างลดลง นอกจากนี้ ยังเป็นผลจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ มีการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือลดลง 2,000 ล้านบาท และจากการหยุดการผลิตของ BST เอสซีจีมี EBITDA เพิ่มขึ้น 18% จากไตรมาสก่อน จากเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม ในขณะที่มีรายได้จากการขายลดลง 2%จากไตรมาสก่อน จากปริมาณการขายที่ลดลงของธุรกิจเคมีภัณฑ์

ขณะที่ครึ่งปีแรกของปี 55 เอสซีจีมีกำไรสำหรับงวด 10,252 ล้านบาทลดลง 39% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากธุรกิจเคมีภัณฑ์ได้รับผลกระทบจากช่วงขาลงของธุรกิจเคมีภัณฑ์ในตลาดโลกในไตรมาส 1/55 จากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือลดลงในไตรมาส 2/55 และจากการหยุดการผลิตของ BST ส่วน EBITDA เท่ากับ 22,479 ล้านบาท ลดลง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่มีรายได้จากการขายเท่ากับ 203,425 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาผลิตภัณฑ์ปรับตัวสูงขึ้นและจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นของธุรกิจส่วนใหญ่ในเอสซีจี

ช่วงครึ่งปีแรกของปี เอสซีจีมีส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วม35 ล้านบาท ลดลง 4,678 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจาก Margin ที่ลดลงและจากการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือลดลงของบริษัทร่วมในธุรกิจเคมีภัณฑ์ ส่วนผลการดำเนินงานของบริษัทร่วมในธุรกิจอื่นๆ ลดลงในไตรมาส 1/55 เนื่องจากได้รับความเสียหายจากน้ำท่วมในไตรมาส 4/54

ผลงานของเอสซีจีเคมิคอลส์ ไตรมาส 2/55 รายได้เท่ากับ 49,339 ล้านบาท ลดลง 7% จากไตรมาสก่อน และคงที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณขายที่ลดลง ในขณะที่ EBITDA เท่ากับ 2,868 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 221% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากเงินปันผลรับจากบริษัทร่วม ทั้งนี้ เนื่องจาก Margin ของธุรกิจเคมีภัณฑ์อยู่ในช่วงขาลง ประกอบกับการหยุดการผลิตของ BST และการปรับมูลค่าสินค้าคงเหลือลดลงทั้งในบริษัทย่อยและบริษัทร่วมจำนวน 2,000 ล้านบาท ทำให้ในไตรมาสนี้มีผลขาดทุน 1,005 ล้านบาท

ด้านเอสซีจี เปเปอร์ ปริมาณขายของกระดาษบรรจุภัณฑ์ทั้งจากฐานการผลิตในประเทศไทย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม เพิ่มขึ้น 4% จากไตรมาสก่อน และ 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจากปริมาณการขายในภูมิภาคเพิ่มขึ้น จากการดำเนินงานในประเทศเวียดนาม และจากปริมาณการขายในประเทศที่เพิ่มขึ้นจากความต้องการสินค้าในกลุ่มอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้น

รายได้จากการขาย เท่ากับ 14,456 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณการขายของกระดาษบรรจุภัณฑ์เพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน EBITDA เท่ากับ 2,370 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน ตามรายได้จากการขายที่เพิ่มขึ้น และจากประสิทธิภาพในการผลิตกระดาษบรรจุภัณฑ์ที่เพิ่มขึ้น ธุรกิจมีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 1,101 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% ทั้งจากไตรมาสก่อน และจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

เอสซีจี ซิเมนต์ ในไตรมาส 2/55 ตลาดปูนซีเมนต์ในประเทศมีมูลค่า 7.3 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 10%จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เป็นผลจากปริมาณความต้องการที่เพิ่มขึ้นของภาคธุรกิจการค้าและที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะในเขตต่างจังหวัด ปริมาณการขายเป็นไปตามแนวโน้มของอุตสาหกรรม โดยระดับราคาของปูนซีเมนต์เทาในประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 1,800 บาทต่อตัน ลดลงเล็กน้อยจากไตรมาสก่อน ปริมาณการส่งออกปูนซีเมนต์ 1.4 ล้านตัน ลดลง 28% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณความต้องการปูนซีเมนต์ในประเทศเพิ่มขึ้น โดยราคา FOB เฉลี่ยในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ระดับ 50.6 เหรียญต่อตัน เนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้น

ไตรมาสนี้รายได้จากการขายของเอสซีจี ซิเมนต์ เท่ากับ 16,610 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน และ 22% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นและจากการเข้าซื้อธุรกิจคอนกรีตผสมเสร็จในประเทศอินโดนีเซียและนำผลการดำเนินงานมาจัดทำงบการเงินรวม ทั้งนี้ เอสซีจี ซิเมนต์ มี EBITDA เท่ากับ 3,476 ล้านบาท ลดลง 11% จากไตรมาสก่อน จากต้นทุนพลังงานและค่าซ่อมแซมที่สูงขึ้น ในขณะที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 3% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน กำไรสำหรับงวดเท่ากับ 2,072 ล้านบาท ลดลง 18% จากไตรมาสก่อน แต่เพิ่มขึ้น 4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

เอสซีจี ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ไตรมาส 2/55 รายได้จากการขายเท่ากับ 10,665 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากไตรมาสก่อน และ 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากแรงผลักดันของตลาดในประเทศที่เติบโตขึ้น โดยเฉพาะสินค้าไฟเบอร์ซิเมนต์ และกระเบื้องเซรามิก รวมทั้งเพิ่มขึ้นจากการเข้าซื้อบริษัท Mariwasa-Siam Ceramics ประเทศฟิลิปปินส์ และนำผลการดำเนินงานมาจัดทำงบการเงินรวม เนื่องจากเปลี่ยนสถานะเป็นบริษัทย่อยในไตรมาส 2/55 ธุรกิจมี EBITDA ในไตรมาสนี้ เท่ากับ 1,743 ล้านบาท ลดลง 9% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากผลกระทบของค่าแรงและต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น โดยธุรกิจมีกำไรสำหรับงวด 678 ล้านบาท ลดลง 24% จากไตรมาสก่อน ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การนำผลการดำเนินงานของ Mariwasa-SiamCeramics มาจัดทำงบการเงินรวม ส่งผลให้ EBITDA เพิ่มขึ้น 22% และกำไรสำหรับงวดเพิ่มขึ้น 29%

เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น รายได้จากการขาย 30,894 ล้านบาท ลดลง 4% จากไตรมาสก่อนตามช่วงฤดูกาล -ณะที่เพิ่มขึ้น 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากปริมาณความต้องการสินค้าที่เกียวกับการก่อสร้างในประเทศเพิ่มขึ้น และจากการรวมผลการดำเนินงานของบริษัท KOKOH ซึ่งเป็นธุรกิจจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้างในประเทศอินโดนีเซีย เอสซีจี ดิสทริบิวชั่น มี EBITDA ในไตรมาส 2/55 เท่ากับ 426 ล้านบาท ลดลง 21% จากไตรมาสก่อน ซึ่งเป็นไปตามฤดูกาล ในขณะที่เพิ่มขึ้น 12% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน มีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 243 ล้านบาท ลดลง 33% จากไตรมาสก่อน แต่ค่อนข้างคงที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ