บมจ.เอเชีย เอวิเอชั่น (AAV) ชี้แจงผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อยในไตรมาส 2/55 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิ 14,816.5 ล้านบาท เพิ่มขึ้ จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีกำไรสุทธิ 163.9 ล้านบาท เนื่องจากรับรู้กำไรมูลค่ายุติธรรมของส่วนได้เสียที่มีอยู่เดิมจำนวน 14,690 ล้านบาทตามมาตรฐานรายงานทางการเงินของไทยฉบับที่ 3 เรื่องการรวมธุรกิจ
ทั้งนี้ รายได้ช่วงไตรมาส 2/55 อยู่ที่ 3,572.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งมีรายได้ทั้งสิ้น 1,916.4 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 86.4 เนื่องจากการเปลี่ยนวิธีการจัดทำงบการเงินรวมตามมาตรฐานรายงานทางการเงินของไทย โดยบริษัทรวมงบการเงินของบจ.ไทยแอร์เอเชียเข้าในงบการเงินรวมอย่างเต็มรูปแบบ (Full Consolidation)ตั้งแต่วันที่เปลี่ยนแปลงอำนาจการควบคุม 4 พ.ค.55 เป็นต้นไป เปรียบเทียบกับรายได้ในปี 54 ซึ่งบริษัทรับรู้รายได้ตามวิธีการจัดทำงบการเงินรวมแบบสัดส่วน (Proportionate Consolidation)
บริษัทได้บันทึกค่าความนิยมจำนวน 7,415.1 ล้านบาท สินทรัพย์ไม่มีตัวตนจำนวน 14,856.0 ล้านบาท และส่วนได้เสียที่ไม่มีอำนาจควบคุมจำนวน 7,450.8 ล้านบาท ในงบแสดงฐานะการเงิน แต่ตามกำหนดในมาตรฐานรายงานทางการเงินของไทย บริษัทอาจต้องรับรู้ผลขาดทุนจากการด้อยค่าของค่าความนิยม และ/หรือ สินทรัพย์ไม่มีตัวตนในภายหลัง หากเกิดข้อบ่งชี้เกี่ยวกับการด้อยค่าของสินทรัพย์ดังกล่าวขึ้นภายหลัง
AAV ชี้แจงว่างวดครึ่งปีแรกของปี 55 รายได้ของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็น 6,054.9 ล้านบาท เปรียบเทียบกับงวดครึ่งปีแรกของปี 54 ที่มีรายได้ 3,996.5 ล้านบาท โดยในปีนี้บริษัทจัดทำงบการเงินรวมกับงบการเงินของบจ.ไทยแอร์เอเชียอย่างเต็มรูปแบบ (Full Consolidation) ซึ่ง ตามมาตรฐานรายงานทางการเงินของไทยฉบับที่ 3 เรื่องการรวมธุรกิจ AAV จะรับรู้กำไรจากมูลค่ายุติธรรมของส่วนได้เสียที่มีอยู่เดิม 14,690ล้านบาท ส่งผลให้กำไรสุทธิของครึ่งปีแรกปี 55 เท่ากับ 15,115.7 ล้านบาท เทียบกับกำไรสุทธิครึ่งปีแรกของปี 54 ที่ 609.5 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานตามธุรกิจปกติของ AAV มีรายได้เพิ่มขึ้น ร้อยละ 15.7 จาก 3,832.7 ล้านบาทในไตรมาส 2/54 เป็น 4,432.8 ล้านบาทในไตรมาส 2/54 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าโดยสาร แม้ว่ารายได้จากบริการเสริมลดลงเล็กน้อย ซึ่งรายได้ค่าโดยสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 16.7 เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จำนวนผู้โดยสารเพิ่มขึ้นจาก 1.6 ล้านคนในไตรมาส 2/54 เป็น 1.9 ล้านคนในไตรมาส 2/55
การเพิ่มขึ้นของจำนวนผู้โดยสารเป็นผลมาจากปริมาณที่นั่งที่เพิ่มขึ้นจาก 2.1 ล้านคนเป็น 2.5 ล้านคนเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีอัตราส่วนการขนส่งผู้โดยสารเพิ่มขึ้น เป็นร้อยละ 79 ในไตรมาส 2/55 เมื่อเปรียบเทียบกับร้อยละ 78 ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน จากการเพิ่มขึ้นของเครื่องบินจำนวน 4 ลำเมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี
ไทยแอร์เอเชียมีจำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น โดยมีปริมาณการผลิตด้านผู้โดยสารสำหรับไตรมาส 2/55 เพิ่มขึ้น จาก 2,235 ล้านที่นั่ง-กม. เป็น 2,593 ล้านที่นั่ง/กม.เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี และมีอัตราการใช้เครื่องบินต่อลำอยู่ในระดับที่คงที่ ที่ 11.7 ชั่วโมงต่อวัน ปริมาณการขนส่งด้านผู้โดยสารเพิ่มขึ้น จาก 1,774 ล้านที่นั่ง/กม.เป็น 2,044 ล้านที่นั่ง/กม. เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี
ค่าโดยสารเฉลี่ยลดลงเล็กน้อยจาก 1,872 บาทเป็น 1,804 บาทเป็นผลมาจากไทยแอร์เอเชียออกโปรโมชั่นราคาค่าโดยสารและมีจำนวนเที่ยวบินในเส้นทางบินที่มีระยะสัน้ ที่มากขึ้น โดยมีระยะทางบินโดยเฉลี่ยต่อเที่ยวบินที่ลดลงจาก 1,083 กม.ในไตรมาส 2/54 เป็น 1,057 กม.ในไตรมาส 2/55 และได้มีการเปิดเส้นทางบินเชียงใหม่—มาเก๊า อีกทั้งเพิ่มเที่ยวบินเส้นทางกรุงเทพฯ-ตรังในไตรมาสนีอี้กด้วย
รายได้จากบริการเสริมลดลงร้อยละ 7.9 ในไตรมาส 2/55 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการลดราคาต่อหน่วยของค่าน้ำหนักสัมภาระเพื่อกระตุ้นการบริโภค รายได้บริการเสริมต่อผู้โดยสารมีจำนวนลดลงจาก 405 บาทในไตรมาส 2/54 เป็น 311 บาทในไตรมาส 2/55 ซึ่งค่าบริการดังกล่าวได้มีการปรับขึ้นช่วงสิ้นไตรมาส
ต้นทุนจากการดำเนินงานในไตรมาส 2/55 เพิ่มขึ้นร้อยละ 19.9 เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปีจาก 3,439.1 ล้านบาทเป็น 4,110.7 ล้านบาท โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวมีสาเหตุมาจากค่าน้ำมันเชื้อเพลิงที่เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.0 เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี โดยมีปริมาณการใช้ที่สูงขึ้นจากฝูงบินที่มีจำนวนเครื่องบินที่มากขึน้ ถึงแม้ว่าราคาเฉลี่ยของน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องบินลดลงเล็กน้อยจาก 132.8 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 2/54 เป็น 130.9 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 2/55 ค่าเช่าเครื่องบินและค่าซ่อมแซมและบำรุงรักษาเพิ่มขึ้น ร้อยละ 21.5 และ ร้อยละ 32.3 ตามลำดับเมื่อเปรียบเทียบปีต่อปีตามขนาดฝูงบินที่ใหญ่ขึ้น
ไตรมาส 2/55 กำไรขั้นต้นลดลงร้อยละ 20.2 เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปีจาก 403.6 ล้านบาทเป็น 322.0 ล้านบาท ส่งผลให้มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลงจากร้อยละ 10.5 ในไตรมาส 2/54 เป็นร้อยละ 7.3 ในไตรมาส 2/55 รายได้อื่นสำหรับไตรมาสนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.1 จาก 107.4 ล้านบาท เป็น 115.1 ล้านบาท มาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากค่าธรรมเนียมท่าอากาศยานที่เรียกเก็บจากผู้โดยสาร แม้ว่าจะมีรายได้ดอกเบี้ย รับจากลูกหนี้กิจการที่เกี่ยวข้องกันที่ลดลง
ค่าใช้จ่ายในการขายลดลงจาก 81.1 ล้านบาทเป็น 62.9 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบปีต่อปีสำหรับไตรมาสนี้ เนื่องมาจากการลดลงของค่าตอบแทนจากการใช้เครื่องหมายการค้าจากการเลื่อนเรียกเก็บค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปอีก หนึ่งปี แม้ว่ามีการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายทางการตลาด ค่าใช้จ่ายในการบริหารเพิ่มขึ้น จาก 89.3 ล้านบาทเป็น 124.8 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบปีต่อปีสำหรับไตรมาสที่ 2 นี้โดยมีสาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายพนักงานสำนักงานและค่าธรรมเนียมวิชาชีพ
กำไรก่อนต้นทุนทางการเงินและภาษีเงินได้ลดลงจาก 408.6 ล้านบาทในไตรมาส 2/54 เป็น 294.3 ล้านบาท ต้นทุนทางการเงินลดลงอย่างมีนัยสำคัญจาก 80.5 ล้านบาท เป็น 0.2 ล้านบาทเมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี สำหรับไตรมาสนี้ การลดลงดังกล่าวเป็นผลมาจากการไม่มีดอกเบีย้ จ่ายให้แก่เจ้าหนี้กิจการที่เกี่ยวข้องกันและให้แก่ สถาบันการเงินในไตรมาส 2/55
ภาษีเงินได้สำหรับไตรมาส 2/55 มีจำนวน 48.3 ล้านบาทเปรียบเทียบกับการที่ไม่มีภาระภาษีเงินได้ในไตรมาส 2/54 เนื่องจากยังมีผลขาดทุนทางภาษีสะสม
ดังนั้น กำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจตามปกติสำหรับไตรมาส 2/55 ลดลงเป็น 245.8 ล้านบาท จาก 328.1 ล้านบาทในไตรมาส 2/54 หรือลดลงร้อยละ 25.1 เมื่อเปรียบเทียบปีต่อปี ส่งผลให้มีอัตรากำไรสุทธิลดลงจากร้อยละ 8.6 เป็นร้อยละ 5.5 ตามลำดับ