ธนาคารกรุงไทย (KTB) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธนาคารในวันที่ 9 ส.ค.55 มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติลดทุนจดทะเบียนของธนาคาร จำนวน 60,065,737.50 บาท จากทุนจดทะเบียนเดิม จำนวน 57,664,098,087.50 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่จำนวน 57,604,032,350.00 บาท โดยการตัดหุ้นที่ยังไม่ได้ออกจำหน่ายจำนวน 11,663,250 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.15 บาท
จากนั้นอนุมัติการเพิ่มทุนจดทะเบียนของธนาคาร จำนวน 14,401,008,087.50 บาท เป็นทุนจดทะเบียนใหม่ 72,005,040,437.50 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 2,796,312,250 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 5.15 บาท จัดสรรจำนวนไม่เกิน 2,796,312,250 หุ้น ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมของธนาคารตามสัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นแต่ละราย ในอัตราจัดสรร 4 หุ้นเดิม ทั้งหุ้นสามัญและหุ้นบุริมสิทธิ ต่อ 1 หุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่ โดยเสนอขายในราคาหุ้นละ 12.60 บาท
ในกรณีที่มีหุ้นสามัญเพิ่มทุนเหลือจากการจัดสรรให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมตามสัดส่วนการถือหุ้นในรอบแรกแล้ว ธนาคารจะดำเนินการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลืออยู่ดังกล่าวตามส่วนเป็นรอบที่สองให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่แสดงความจำนงในการจองซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนเกินสิทธิ แต่การจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนไม่ว่าในกรณีใด จะต้องไม่ทำให้ผู้ใดถือหุ้นของธนาคารเกินกว่าร้อยละ 10 ของจำนวนหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่งประเทศไทยหรือเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่ธนาคารแห่งประเทศไทยประกาศ
กรณีที่มีหุ้นสามัญเพิ่มทุนเหลือจากการจัดสรรข้างต้น ธนาคารจะดำเนินการจัดสรรหุ้นสามัญเพิ่มทุนที่เหลืออยู่ดังกล่าวแก่ผู้ลงทุนเฉพาะราย โดยเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนดังกล่าวในราคาไม่ต่ำกว่าหุ้นละ 12.60 บาท ซึ่งถือเป็นการเสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด (Private Placement)
สำหรับวัตถุประสงค์การเพิ่มทุน ธนาคารฯ จะนำเงินทุนที่ได้รับจากการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้มาส่งเสริมการเจริญเติบโตทางธุรกิจเพื่อให้ธนาคารฯ สามารถขยายธุรกิจได้อย่างมั่นคงและต่อเนื่อง ทั้งนี้กำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2555 ในวันศุกร์ที่ 21 กันยายน 55
พร้อมกันนั้น ที่ประชุมฯ ยังมีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิสำหรับงวด 6 เดือน สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 55 เป็นสำรองตามกฎหมายในอัตราร้อยละ 5 ของกำไรสุทธิดังกล่าว และจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นบุริมสิทธิในอัตราหุ้นละ 0.43725 บาท คิดเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 2,404,875.00 บาท และผู้ถือหุ้นสามัญในอัตราหุ้นละ 0.36 บาท คิดเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 4,024,709,640.00 บาท
กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 30 สิงหาคม 55 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535โดยวิธีการปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 31 สิงหาคม 55 วันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD)วันที่ 28 สิงหาคม 55 และกำหนดจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลในวันที่ 3 ตุลาคม 55