บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) แจ้งว่า ตามที่ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2555 ได้มีมติอนุมัติในหลักการเกี่ยวกับการเช่าช่วงสัญญาการเช่าที่ดินและอาคารสำนักงาน ดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์ให้แก่กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ ที่จะจัดตั้งขึ้นใหม่ ต่อมาที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ครั้งที่ 4/2555 เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2555 ได้พิจารณารับทราบความคืบหน้าการดำเนินงานดังกล่าว
บริษัทฯ จะให้เช่าช่วงทรัพย์สินบางส่วนของสำนักงาน ดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์เข้ากองทุนรวมภายใต้ชื่อ "กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN คอมเมอร์เชียล โกรท (CPNCG)" โดยทรัพย์สินประกอบด้วย - ที่ดินและอาคารสำนักงาน ดิ ออฟฟิศเศส แอท เซ็นทรัลเวิลด์บางส่วน (ยกเว้นพื้นที่ให้เช่าชั้นใต้ดิน B1-B3 พื้นที่บางส่วนของชั้น G และชั้น 3) ซึ่งกองทุนรวมจะเช่าช่วงที่ดิน อาคารและระบบสาธารณูปโภคพร้อมทั้งส่วนควบและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องจากกองทุนรวมธุรกิจไทย 4 (บริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้น 100%) เป็นระยะเวลาประมาณ 20 ปี สิ้นสุดวันที่ 22 ธันวาคม 2575
ส่วนกรรมสิทธิ์ในเฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ ซึ่งกองทุนรวมจะซื้อจาก บริษัท เซ็นทรัลเวิลด์ จำกัด (บริษัทย่อยที่บริษัทฯ ถือหุ้น 90%)
ทั้งนี้ การลงทุนส่วนที่ 1 ได้แก่ 1.1 ที่ดินซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารสำนักงาน เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ 1 งาน 4 ตารางวา
1.2 อาคารสำนักงานบางส่วน ซึ่งประกอบด้วยพื้นที่ภายในอาคาร ยกเว้นพื้นที่ให้เช่าชั้นใต้ดิน B1-B3 พื้นที่บางส่วนของชั้น G ชั้น 3 และชั้น 6 พื้นที่ของชั้น 7 ชั้น 25 และชั้น 44 คิดเป็นพื้นที่รวมประมาณ 113,328 ตารางเมตร หรือคิดเป็นพื้นที่ให้เช่าประมาณ 74,605 ตารางเมตร
1.3 งานระบบสาธารณูปโภคพร้อมทั้งส่วนควบและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง 1.4 เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ และ 1.5 สิทธิในการใช้บริการพื้นที่จอดรถจำนวน 1,218 คัน
สำหรับการลงทุนส่วนที่ 2 ได้แก่ 2.1 พื้นที่บางส่วนของชั้น 6 (ส่วนที่กองทุนรวมไม่ได้เข้าลงทุนในการลงทุนส่วนที่ 1) พื้นที่ของชั้น 7 ชั้น 25 และชั้น 44 ซึ่งเป็นพื้นที่สำนักงานให้เช่า คิดเป็นพื้นที่รวมประมาณ 8,662 ตารางเมตร และคิดเป็นพื้นที่ให้เช่าประมาณ 5,961 ตารางเมตร
2.2 สิทธิในการใช้บริการพื้นที่จอดรถจำนวน 53 คัน
หลังจากที่กองทุนรวมดำเนินการลงทุนส่วนที่ 1 แล้วเสร็จ กองทุนรวมจะเข้าลงทุนในทรัพย์สินส่วนที่ 2 ภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2555
ทั้งนี้ บริษัทฯคาดว่าจะลงทุนในหน่วยลงทุน CPNCG ในสัดส่วนประมาณ 25% ของจำนวนหน่วยลงทุนทั้งหมดของกองทุนรวม
อย่างไรก็ตาม การดำเนินการดังกล่าวยังขึ้นอยู่กับการขออนุญาตจากสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) และการสรุปราคาในขั้นตอนสุดท้ายตลอดจนการพิจารณารายละเอียดเกี่ยวกับราคาและเงื่อนไขต่างๆ ซึ่งหากมีข้อสรุป บริษัทฯ จะแจ้งให้ทราบต่อไป