นางสมฤดี ชัยมงคล ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่บริหาร - การเงิน บมจ.บ้านปู (BANPU) แจ้งว่า ตามที่บริษัทฯ ได้รายงานคำพิพากษาคดีฟ้องร้องของนายศิวะ งานทวีและพวกต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 20 กันยายน 2555 บริษัทฯ ขอเรียนเพิ่มเติมว่า บริษัทฯ ได้ปรึกษาหารือกับที่ปรึกษากฎหมาย และได้รับความเห็นทางกฎหมายยืนยันหนักแน่นถึงข้อต่อสู้ทั้งในประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายและได้ให้ความเห็นว่าบริษัทฯ และบริษัทย่อยไม่มีเหตุที่จะต้องรับผิดชำระค่าข้อมูล ค่าลงทุนและค่าใช้จ่ายในโครงการหงสาเดิมที่โจทก์ได้ศึกษาไว้และไม่มีเหตุที่จะต้องรับผิดชำระค่าขาดประโยชน์ในอนาคตจากโครงการหงสาเดิมของโจทก์ที่ได้ถูกรัฐบาลลาวยกเลิกไป แต่อย่างใด
บริษัทฯ โดยคณะกรรมการ และผู้บริหารได้พิจารณาตามข้อมูล หลักฐาน และข้อเท็จจริงทั้งหมดรวมทั้งความเห็นทางกฎหมายของที่ปรึกษากฎหมายอย่างรอบคอบและจะทำการอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งต่อไป โดยเชื่อมั่นในเหตุผลและความหนักแน่นของข้อต่อสู้ทั้งในประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ดังนั้นบริษัทฯ และบริษัทย่อยจึงไม่ตั้งสำรองสำหรับค่าเสียหายตามคำพิพากษาคดีดังกล่าวในงบการเงิน
อนึ่ง คณะกรรมการและผู้บริหารของบริษัทฯ ขอยืนยันว่าบริษัทฯ ได้ดำเนินธุรกิจโดยยึดมั่นในหลักความสุจริต ความถูกต้องตามกฎหมาย และหลักธรรมาภิบาล โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของผู้ถือหุ้น นักลงทุน และสังคม
ด้านนายชนินท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BANPU เปิดเผยว่า สาเหตุที่บ้านปูฯ ไม่ตั้งสำรองในกรณีนีเป็นความเห็นที่สอดคล้องกันของทุกฝ่าย ทั้งคณะกรรมการ ผู้บริหาร และ ที่ปรึกษากฎหมายที่ได้ยืนยันหนักแน่นถึงข้อต่อสู้ทั้งในประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายและได้ให้ความเห็นว่า บริษัทฯและบริษัทย่อยไม่มีเหตุที่จะต้องรับผิดชำระค่าข้อมูลค่าลงทุนและค่าใช้จ่ายตลอดจนค่าเสียโอกาสในโครงการหงสาเดิมที่โจทก์ได้ศึกษาไว้ ซึ่งรัฐบาลลาวได้ยกเลิกสัญญาดังกล่าวไปก่อนหน้านี
“จากการพิจารณาคำพิพากษาคดีนี้อย่างถี่ถ้วน และรอบคอบในทุกประเด็น เพื่อให้ได้ข้อสรุปที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรในการตัดสินใจ และจากผลการพิจารณาตามข้อมูล หลักฐาน และข้อเท็จจริงทั้งหมดรวมทั้ง ความเห็นจากที่ปรึกษากฎหมาย บริษัทฯ จะทำการอุทธรณ์คำพิพากษาของศาลแพ่งต่อไป โดยเชื่อมั่นในเหตุผล และความหนักแน่นของข้อต่อสู้ทั้งในประเด็นข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย ดังนั้นบริษัทฯ และบริษัทย่อยจึงไม่ตัง้ สำรองสำหรับค่าเสียหายตามคำพิพากษาคดีดังกล่าวในงบการเงิน" นายชนินท์กล่าว
นายชนินท์ กล่าวยืนยันว่าตลอดระยะเวลา 30 ปีในการดำเนินธุรกิจ BANPU มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง สามารถขยายธุรกิจไปในหลายประเทศ ได้รับการยอมรับ และเชื่อถือจากนานาชาติ นานาสถาบัน ตลอดจนนักลงทุน ทั้งทางด้านปรัชญา วิธีการ และผลของการดำเนินธุรกิจ ตลอดจนผลงานด้านบรรษัทภิบาล ความโปร่งใส และความสามารถในการบริหาร ดังนั้น บริษัทฯ จึงไม่มีความจำเป็นจะต้องใช้วิธีการอันไม่ถูกต้องตามทำนองคลองธรรม หรือความไม่สุจริตเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ
"โครงการหงสาเป็นโครงการระหว่างประเทศที่ บริษัทฯ ได้ใช้เวลาในการแก้ไขปัญหาและพัฒนามาจนถึงปัจจุบัน ซึ่งมีความก้าวหน้าเป็นอย่างดี และอยู่ในระดับที่น่าพอใจ นอกจากนียั้งเป็นโครงการนี้เป็นโครงการที่บ้านปูฯ ให้ความสำคัญ เนื่องจากเมื่อโครงการสำเร็จลุล่วงจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งกับทั้ง ประเทศไทย และ สปป.ลาว โดยเฉพาะในเรื่องความมั่นคงด้านพลังงานไฟฟ้า" นายชนินท์กล่าว