จากปัญหาเศรษฐกิจยุโรปที่ยืดเยื้อและเศรษฐกิจโลกที่ยังชะลอตัวทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบที่ 3 หรือ QE3 กอร์ปกับความกังวลเกี่ยวกับอุปทานของน้ำมันดิบจากผู้ผลิตในตะวันออกกลางส่งผลให้ราคาน้ำมันดูไบปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากไตรมาส 2/55 ราคาน้ำมันดิบดูไบเฉลี่ยไตรมาส 3/55 อยู่ที่ 106 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
และส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมหลักที่ปรับตัวขึ้นทำให้บริษัทฯ มี Market GRM อยู่ที่ 5.94 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล มี Stock gain Net NRV 3.74 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล และมี Hedging Gain 0.02 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล ทำให้มี Accounting GRM รวมอยู่ที่ 9.71 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล
ทางด้านธุรกิจอะโรเมติกส์ ถึงแม้ส่วนต่างราคาพาลาไซลีนกับคอนเดนเสทจะปรับตัวลดลงแต่ส่วนต่างราคาเบนซีนกับคอนเดนเสทปรับตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทำให้ธุรกิจอะโรเมติกส์มี Market P2F อยู่ที่ 243 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน และ Stock gain 64 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน
และทางด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อเนื่องมีอัตราการผลิตและปริมาณขายโดยรวมเพิ่มขึ้นซึ่งมีผลต่อผลการดำเนินงานมากกว่าราคาที่อ่อนตัวลงเล็กน้อยในไตรมาส 3/2555 มาอยู่ที่ 1,343 เหรียญสหรัฐฯ/ตัน ลดลงจากไตรมาส 3/2554 ร้อยละ 4 และลดลงจากไตรมาส 2/2555 ร้อยละ 2 ซึ่งทำให้บริษัทฯและบริษัทย่อยมี EBITDA 18,282 ล้านบาทปรับตัวเพิ่มขึ้น 6,099 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 50 จากไตรมาส 3/2554 และเพิ่มขึ้น 11,577 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 1.73 เท่าจากไตรมาสก่อนหน้า ในขณะที่ EBITDA Margin อยู่ที่ร้อยละ 13ในไตรมาสนี้ อย่างไรก็ตามในไตรมาสนี้ มี Adjusted EBITDA อยู่ที่ 15,007 ล้านบาทและมี Adjusted EBITDA margin อยู่ร้อยละ 10
แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจโลกโดยรวมจะชะลอตัวและมีปัจจัยจากการปรับสูตรราคาซื้อขายวัตถุดิบ ปิโตรเคมีจากก๊าซธรรมชาติแต่ด้วยความเป็นเลิศในการดำเนินงาน เป็น Fully Integrated Petrochemical and Refinery Operations และมีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่หลากหลาย มีโครงสร้างต้นทุนที่แข็งแกร่ง บริษัทฯยังสามารถบริหารจัดการกับสถานการณ์โดยมี Adjusted EBITDA margin สำหรับผลการดำเนินงานเก้าเดือนแรกอยู่ที่ร้อยละ 9 และร้อยละ 10 ในปีที่แล้ว