ล่าสุดหลังจากที่ได้เงินเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนเฉพาะเจาะจงจำนวน 600 ล้านบาท จากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุน 2,000 ล้านหุ้น บริษัทได้วางแผนในการเข้าซื้อกิจการโครงการคอนโดมิเนียมในจังหวัดภูเก็ต โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 40 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวก่อสร้างไปแล้ว 90% นอกจากนี้อยู่ระหว่างการเจรจาอีก 1 แห่ง เป็นคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ คาดว่าจะใช้เงินประมาณ 500 ล้านบาท และจะได้ข้อสรุปภายในไตรมาส 1/56
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา KMC ก็ได้มีการเข้าซื้อกิจการคลังสินค้าที่ชลบุรี ซึ่งถือเป็นการกระจายความเสี่ยง ด้วยการเพิ่มรายได้จากค่าเช่า ซึ่งเป็นรายได้ที่ค่อนข้างแน่นอน นอกเหนือการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายอย่างเดียว
สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทในงวดไตรมาสที่ 3/55 มีกำไรสุทธิ 22.30 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 54 ที่มีผลขาดทุนจำนวน 58.64 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นร้อยละ 138.03 โดยเป็นรายได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์เพิ่มขึ้นเพราะมีการก่อสร้างคอนโดเสร็จพร้อมโอนให้ลูกค้าได้ตามเป้าหมาย ทำให้บริษัทฯสามารถบันทึกรายได้ อีกทั้งบริษัทฯ ยังมีกำไรจากการขายทรัพย์สินจำนวน 28 ล้านบา อย่างไรก็ตาม งวด 9 เดือน บริษัทมีผลขาดทุนสุทธิ 50.82 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 239.82 ล้านบาท
"ผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ที่ออกมาพลิกมีกำไรมากกว่า 22 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 58 ล้านบาท คงทำให้ผู้ถือหุ้นเชื่อมั่นได้มากขึ้น ว่าเงินที่เพิ่มทุนเข้ามาให้บริษัทไม่เสียเปล่า เพราะได้มีการนำไปพัฒนาโครงการ และเห็นกลับมาเป็นรายได้อย่างชัดเจน เป็นการยืนยันถึงความพยายามในการทำงานของทั้งทีมผู้บริหารและพนักงานของบริษัทฯ และหลังจากนี้ ผมมีความเชื่อมั่นว่า KMC จะดีขึ้นเรื่อยๆ ตามแผนการดำเนินงานที่เราวางเอาไว้ ซึ่งน่าจะได้เห็น KMC เริ่มมีกำไรอย่างมั่นคงตั้งแต่ปี 56 เป็นต้นไป" นายวิรัตน์ กล่าว