ในเบื้องต้นคาดว่ามีปริมาณสำรองถ่านหินไม่น้อยกว่า 40 ล้านตัน ซึ่งบริษัท จะว่าจ้าง Third Party เข้าไปดำเนินการ เจาะสำรวจปริมาณสำรองถ่านหิน (Joint Ore Reserves Committee:JORC) หากผลการสำรวจพบว่าปริมาณสำรองถ่านหินมีน้อยกว่า 40 ล้านตัน บริษัท อีสท์สตาร์ จำกัด จะดำเนินการจัดหาสัมปทานแปลงอื่นเพิ่มเติม เพื่อให้ได้ปริมาณสำรองถ่านหินรวมไม่น้อยกว่า 40 ล้านตัน
สำหรับเงินลงทุนที่จะใช้ในการดำเนินธุรกิจเหมืองถ่านหินอยู่ที่ประมาณ1,000 ล้านบาท ได้รับการสนับสนุนจากสถาบันการเงินที่ได้ดำเนินการไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยคาดว่าจะเริ่มดำเนินการขุดได้ในเดือนมกราคม 2556 และเริ่มจำหน่ายถ่านหินได้ในเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2556 และจะทยอยรับรู้รายได้ในช่วงครึ่งหลังปี 2556
"เราใช้เวลากว่า 3 ปี ในการศึกษาข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับการทำเหมืองถ่านหินที่ประเทศพม่าร่วมกัน ทั้งข้อกฎหมายและความเป็นไปได้ของโครงการ ซึ่งวันนี้เราพร้อมแล้วที่จะเปิดทำเหมืองถ่านหินในประเทศพม่า โดย EARTH จะเป็นผู้จัดหาแหล่งเงินทุนในการขุดทำเหมือง และเป็นผู้จัดจำหน่ายถ่านหินเพื่อขายให้กับลูกค้า พร้อมทั้งจะมีการย้ายเครื่องจักรบางส่วนจากประเทศไทยไปผลิตที่ประเทศพม่าเพื่อช่วยในการบริหารด้านต้นทุนให้ต่ำลง" นายขจรพงษ์ กล่าว
สำหรับเหมืองแห่งใหม่นี้ถือเป็นเหมืองแห่งแรกที่มีขนาดใหญ่ปริมาณสำรองถ่านหิน 40 ล้านตัน/เหมือง ซึ่งอยู่ในแผนขยายธุรกิจ 5 ปี 5 เหมือง 5 ประเทศ ของบริษัท โดยจะเริ่มขุดและขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง หลังจากนั้นอีกประมาณ 2 ปี บริษัทจะศึกษาเส้นทางในการทำถนนออกสู่ทะเลด้านตะวันตกของประเทศพม่าเพื่อทำท่าเรือเพิ่มช่องทางในการจำหน่ายถ่านหินจากประเทศพม่า ออกสู่ประเทศอินเดียซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถบริหารต้นทุนด้านการขนส่งได้ต่ำลงและบริหารเรื่องของเวลาในการส่งมอบถ่านหินให้กับลูกค้าได้ทันตามกำหนด
ปัจจุบัน EARTH มีปริมาณถ่านหินสำรองคงเหลือประมาณ 5 ล้านตัน หากนับเพิ่มปริมาณสำรองของเหมืองถ่านหินในประเทศพม่า จะทำให้มีปริมาณถ่านหินเพิ่มขึ้นรวมเป็นประมาณ 45 ล้านตัน และรองรับกับความต้องการของลูกได้ถึง 10 ปี