BEAUTY เตรียมเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ 12 ธ.ค. หลังขาย IPO 82.5 ล.หุ้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday December 7, 2012 16:02 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า บมจ. บิวตี้ คอมมูนิตี้ (BEAUTY) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ ในกลุ่มบริการ หมวดพาณิชย์ ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้ โดย BEAUTY เป็นผู้จำหน่ายปลีกผลิตภัณฑ์เพื่อความงามประเภทเครื่องสำอาง และบำรุงผิวที่มีส่วนผสมของสารสกัดจากธรรมชาติ ที่ผ่านการคัดสรรอย่างดีทั้งในด้านวัตถุดิบและรูปลักษณ์เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งของผู้บริโภค

BEAUTY ดำเนินธุรกิจจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เพื่อความงาม 3 ประเภทได้แก่ ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอาง (Make-up) ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว (Skin care) และอุปกรณ์เสริม (Accessories) ภายใต้แนวคิด 3 รูปแบบได้แก่ บิวตี้ บุฟเฟต์ (BEAUTY BUFFET) บิวตี้ คอทเทจ (BEAUTY COTTAGE) และเมด อิน เนเจอร์ (MADE IN NATURE) โดยแต่ละแนวคิดจะมีความแตกต่างกันในด้านการออกแบบผลิตภัณฑ์ ช่องทางการจำหน่าย และตำแหน่งทางการตลาด เพื่อให้ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่แตกต่างกัน

บริษัทมีทุนชำระแล้ว 300 ล้านบาท มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 217.5 ล้านหุ้น และหุ้นสามัญเพิ่มทุน 82.5 ล้านหุ้น แบ่งเป็นการเสนอขายให้กับประชาชนทั่วไปจำนวน 80 ล้านหุ้น และเสนอขายต่อผู้บริหาร และพนักงานจำนวน 2.5 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 8 บาท เมื่อวันที่ 29 - 30 พฤศจิกายน และวันที่ 3 ธันวาคม 2555 คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 660 ล้านบาท โดยมี บมจ. หลักทรัพย์ ฟิลลิป (ประเทศไทย) เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย

นายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร BEAUTY กล่าวว่า การนำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ จะช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นในกิจการของบริษัท ส่งเสริมภาพลักษณ์ให้ดียิ่งขึ้น และเป็นการเพิ่มความแข็งแกร่งทางการเงินให้บริษัทพร้อมสำหรับการแข่งขัน โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปขยายสาขา รวมทั้งนำไปลงทุนเพื่อปรับปรุงระบบการดำเนินงานภายใน เพื่อรองรับการขยายธุรกิจในอนาคต

หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ BEAUTY 3 รายแรกได้แก่ กลุ่มนายแพทย์สุวิน ไกรภูเบศ ถือหุ้น 70.83% นายปรัชญา เลวัน ถือหุ้น 1.67% และ นางสาวกันธิมา พรศรีนิยม ถือหุ้น 0.48% ราคา IPO ของ BEAUTY ในราคาหุ้นละ 8.00 บาท ตามข้อมูลที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) 16.25 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นในช่วง 4 ไตรมาสย้อนหลัง คือ ไตรมาส 4/54-ไตรมาส 3/55 ซึ่งเท่ากับ 147.68 ล้านบาท หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังการเสนอขายหุ้นครั้งนี้(Fully Diluted) ซึ่งเท่ากับ 300 ล้านหุ้น คิดเป็นกำไรสุทธิเท่ากับ 0.49 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และสำรองตามกฎหมาย


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ