ทั้งนี้ ธนาคารมีโมเดลในการขยายเครือข่ายธนาคารพันธมิตร ยึดตามรูปแบบของ Inbound Japanese Model ที่ธนาคารใช้เป็นกลยุทธ์ดูแลลูกค้าญี่ปุ่นที่เข้ามาทำธุรกิจในไทย นอกจากนี้ ยังเข้าไปตั้งสำนักงานตัวแทนในประเทศที่มีมูลค่าการลงทุนสูง เพื่อให้สามารถดูแลลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีธนาคารพันธมิตร ทั้งสิ้น 35 แห่งใน 9 ประเทศ ได้แก่ ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ ลาว อินโดนีเซีย เวียดนาม กัมพูชา พม่า สหรัฐอเมริกาและอียู รวมทั้งมีสำนักงานตัวแทน 2 แห่งในญี่ปุ่นและพม่า เพื่อดูแล ผู้ประกอบการไทยและต่างชาติที่ต้องการเข้าไปลงทุนในประเทศดังกล่าว
สำหรับปี 56 ธนาคารเตรียมขยายพันธมิตรเพิ่มใน 3 ประเทศ คือ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และบรูไน ซึ่งจะทำให้ธนาคามีธนาคารพันธมิตรในกลุ่มเออีซีครบทุกประเทศ และวางกลยุทธ์เพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการด้านการทำธุรกิจต่างประเทศเพื่อให้มีศักยภาพในการแข่งขัน ด้วยการจัดตั้งศูนย์ส่งเสริมธุรกิจต่างประเทศ (K Global Business Center) เพื่อเป็นที่ปรึกษาให้ข้อมูลคำแนะนำด้านการค้าการลงทุนในประเทศไทยและกลุ่มเออีซี ให้แก่ลูกค้าผู้ประกอบการ
นายทรงพล กล่าวว่า ภาพรวมการส่งออกในปี 56 จากการที่เศรษฐกิจของจีนเริ่มฟื้นตัว จะส่งผลดีต่อประเทศอาเซียนและไทย ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญของจีน ทำให้ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ปรับตัวดีขึ้น และช่วยให้การส่งออกของไทยเติบโต 10-15% ซึ่งธนาคารตั้งเป้ายอดธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ (Trade Finance) ไว้ที่ 2.7 ล้านล้านบาท เติบโตเพิ่มขึ้นจากปี 55 ประมาณ 31% และมีรายได้ค่าธรรรมเนียมจากธุรกิจการค้าระหว่างประเทศประมาณ 1,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 26%