BTS ยันการกล่าวหา DSI ไม่มีผลต่อสัมทปานเดิม-ตั้งกองทุนอสังหาฯถูกต้อง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 10, 2013 09:08 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการและประธานกรรมการบริหาร บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) แจ้งว่า ตามที่สัญญาการให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานครระยะเวลาสัญญา 30 ปี ระหว่าง บมจ.ระบบขนส่งมวลนกรุงเทพ (BTSC) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ กับบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่กรุงเทพมหานครเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และและตามข่าวที่ว่า กรมสอบสวนคดีพิเศษได้แจ้งข้อหาแก่ผู้บริหารกรุงเทพมหานคร กรุงเทพธนาคมและผู้บริหารของกรุงเทพธนาคม ตลอดจนบีทีเอสซีและผู้บริหารบางรายของบีทีเอสซี ว่าร่วมกันประกอบกิจการรถรางโดยไม่ได้รับอนุญาตหรือได้รับสัมปทานจาก รมว.มหาดไทย นั้น

เรื่องที่ปรากฏตามข่าวดังกล่าวข้างต้น เป็นการกล่าวอ้างเกี่ยวกับสัญญาการให้บริการเดินรถระยะยาว 30 ปี ซึ่งครอบคลุมการรับจ้างให้บริการเดินรถและซ่อมบำรุงโดยบีทีเอสซีในส่วนต่อขยายสายสีลม ช่วงสะพานตากสิน-วงเวียนใหญ่ และช่วงวงเวียนใหญ่-บางหว้า ส่วนต่อขยายสายสุขุมวิท ช่วงอ่อนนุช-แบริ่ง และเส้นทางเดิมของสัมปทานภายหลังครบกำหนดอายุสัมปทานในปี 2572 ซึ่งสัญญาการให้บริการเดินรถระยะยาว 30 ปี เป็นสัญญาต่างฉบับกันและไม่ใช่การดำเนินการโครงการตามสัญญาสัมปทานเดิมของบีทีเอสซีตามสัญญาสัมปทานฉบับลงวันที่ 9 เมษายน 2535 ระหว่างกรุงเทพมหานคร และบีทีเอสซี แต่อย่างใด

ตามสัญญาสัมปทาน บีทีเอสซีในฐานะผู้รับสัมปทาน เป็นเจ้าของสิทธิในการให้บริการและได้รับเงินค่าโดยสารจากระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสสายหลักระยะทางรวม 23.5 กิโลเมตร สายสุขุมวิทจากช่วงอ่อนนุช-หมอชิต และสายสีลมจากช่วงสะพานตากสิน-สนามกีฬา แห่งชาติ ซึ่งบีทีเอสซีได้เข้าทำสัญญาสัมปทานดังกล่าวมาตั้งแต่ปี 2535 และได้ดำเนินการโครงการระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสสายหลักมาแล้วเป็นเวลากว่า 13 ปี และสัมปทานมีอายุเหลืออยู่อีกประมาณ 17 ปี โดยจะสิ้นสุดในปี 2572 สัญญาสัมปทานเป็นสัญญาที่สมบูรณ์และมีผลผูกพันระหว่างคู่สัญญา การกล่าวหาของกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือผลของคดีที่เกี่ยวกับสัญญาการให้บริการเดินรถระยะยาว 30 ปี จะไม่มีผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของสัญญาสัมปทาน

ส่วนที่มีผู้ร้องเรียนต่อกรมสอบสวนคดีพิเศษ ว่ากรณีที่บริษัทฯ และ บลจ.บัวหลวง ร่วมกันจัดตั้งกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน อาจเข้าข่ายมีความผิดฐานฉ้อโกงประชาชนและความผิดตามพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 นั้น บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่า การจัดตั้งกองทุนรวมฯ ที่ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณาให้อนุญาตจัดตั้งโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ เป็นการดำเนินการตามกฎเกณฑ์ที่กำหนดใน พระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 และประกาศที่เกี่ยวข้อง การระดมทุนโดยการจัดตั้งกองทุนรวมฯ เป็นการสนับสนุนนโยบายของรัฐบาล และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ดังนั้น บริษัทฯ ขอยืนยันว่า บริษัทฯไม่ได้กระทำการใด ๆ ที่ผิดกฎหมายหรือจัดตั้งกองทุนรวมฯ เพื่อฉ้อโกงประชาชนตามที่มีการกล่าวอ้าง

ในการจัดตั้งกองทุนรวมฯ เพื่อระดมทุนนั้น บีทีเอสซีจะขายหรือโอนรายได้ค่าโดยสารสุทธิที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจากการดำเนินงานของระบบรถไฟฟ้าบีทีเอสสายหลัก ระยะทาง 23.5 กิโลเมตร ตามสัญญาสัมปทานที่มีอายุเหลืออยู่อีกประมาณ 17 ปี ให้กับกองทุนรวมฯ เท่านั้น สำหรับรายได้ค่าโดยสารที่เกิดจากส่วนต่อขยายจากสะพานตากสินไปวงเวียนใหญ่ และจากอ่อนนุชไปแบริ่ง เป็นรายได้ของกรุงเทพมหานคร โดยบีทีเอสซีได้รับเพียงค่าจ้างจากการให้บริการเดินรถไฟฟ้าตามสัญญาการให้บริการเดิน รถระยะยาว 30 ปี เท่านั้น และบีทีเอสซีไม่ได้นำส่วนของค่าจ้างที่เกิดจากสัญญาการให้บริการเดินรถระยะยาว 30 ปี ไปขายหรือโอนให้แก่กองทุนรวมฯ เมื่อกองทุนรวมฯ จัดตั้งขึ้นตามที่ปรากฏตามข่าวแต่อย่างใด

ดังนั้น การที่กรมสอบสวนคดีพิเศษได้มีการกล่าวหาว่าสัญญาการให้บริการเดินรถระยะยาว 30 ปี เป็นการประกอบกิจการรถรางโดยไม่ได้รับอนุญาต และอยู่ระหว่างการสอบสวนข้อเท็จจริง จึงไม่เกี่ยวกับการดำเนินการโครงการตามสัญญาสัมปทานเดิมของบีทีเอสซี บริษัทฯ ขอชี้แจงว่าไม่ว่าผลการพิจารณาของกรมสอบสวนคดีพิเศษในกรณีดังกล่าวจะเป็นอย่างไร จะไม่มีผลกระทบต่อความสมบูรณ์ของการขายหรือ โอนรายได้ค่าโดยสารสุทธิที่บีทีเอสซีจะได้รับภายใต้สัญญาสัมปทานที่มีอายุเหลืออยู่ประมาณ 17 ปี ให้กับกองทุนรวมฯ ที่บริษัทฯ และบีทีเอสซีดำเนินการอยู่ในขณะนี้

บีทีเอสซียืนยันว่า ในการทำสัญญาการให้บริการเดินรถระยะยาว 30 ปี กับกรุงเทพธนาคมนั้น บีทีเอสซีได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายโดยถูกต้อง และบีทีเอสซียินดีให้ความร่วมมือกับ กรมสอบสวนคดีพิเศษในการให้ข้อเท็จจริงต่าง ๆ และดำเนินการตามกระบวนการทางกฎหมายต่อไป โดยบริษัทฯ และบีทีเอสซีเชื่อมั่นว่า บีทีเอสซีได้ดำเนินธุรกิจด้วยความโปร่งใส ถูกต้องตามกฎหมาย และคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเสมอมา


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ