EA เข้าตลาด mai เป็นรายแรกในปีนี้ พร้อมเทรด 30 ม.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 28, 2013 13:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เปิดเผยว่า บมจ.พลังงานบริสุทธิ์ (EA) จะเข้าจดทะเบียนและเริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ในวันที่ 30 มกราคม 2556 นี้ เป็นบริษัทจดทะเบียนเข้าใหม่รายแรกของปี ทั้งนี้ EA เป็นบริษัทใน mai ที่มีมูลค่าระดมทุนสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้ง mai ด้วยมูลค่าระดมทุนรวมถึง 3,080 ล้านบาท โดย EA มีมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO 20,515 ล้านบาท

EA ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายน้ำมันไบโอดีเซล น้ำมันดีเซลหมุนเร็ว กลีเซอรีนบริสุทธิ์ วัตถุดิบและผลิตภัณฑ์พลอยได้ รวมถึงธุรกิจผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ด้วยขนาดกำลังการผลิต 278 เมกะวัตต์ ซึ่งได้ทยอยลงทุนก่อสร้างและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า (SCOD) ตั้งแต่ปี 2555 และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2558

EA มีทุนชำระแล้ว 373 ล้านบาท มีมูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.10 บาท ประกอบด้วยหุ้นสามัญเดิม 3,170 ล้านหุ้นและหุ้นสามัญเพิ่มทุน 560 ล้านหุ้น บริษัทเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนทั่วไปครั้งแรก (IPO) จำนวน 560 ล้านหุ้น เมื่อวันที่ 21 - 23 มกราคม 2556 ในราคาหุ้นละ 5.50 บาท คิดเป็นมูลค่าระดมทุนรวม 3,080 ล้านบาท โดยมีบริษัท แอสเซท โปร แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และมีผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย 3 ราย ได้แก่ บล. ฟินันเซีย ไซรัส บล.โนมูระ พัฒนสิน และ บล.ไทยพาณิชย์

นายสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร EA เปิดเผยว่า "รู้สึกเป็นเกียรติและมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่บริษัทได้นำหุ้นสามัญของบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ mai ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างภาพลักษณ์ ความแข็งแกร่งด้านเงินทุนให้กับบริษัท โดยบริษัทจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้ในการลงทุนก่อสร้างโครงการผลิตกระแสไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ขนาดกำลังการผลิต 90 เมกะวัตต์ จังหวัดนครสวรรค์ และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ"

หลัง IPO ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ EA 3 ลำดับแรก ได้แก่ กลุ่มอาหุนัย ถือหุ้น 44.36% FIRST ASIA INVESTMENT LIMITED ถือหุ้น 12.62% กลุ่มเจียรนิลกุลชัย ถือหุ้น 5.62% ราคา IPO ของ EA ในราคาหุ้นละ 5.50 บาท ตามข้อมูลที่ระบุไว้ในหนังสือชี้ชวน มีอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิต่อหุ้น (P/E Ratio) 254.45 เท่า โดยคำนวณจากกำไรสุทธิต่อหุ้น 4 ไตรมาสที่ผ่านมา (1 ตุลาคม 2554 - 30 กันยายน 2555) หารด้วยจำนวนหุ้นสามัญทั้งหมดของบริษัทหลังจากการเสนอขายหุ้นในครั้งนี้ (Fully diluted) ซึ่งเท่ากับ 3,730 ล้านหุ้น คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นเท่ากับ 0.022 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ บริษัทมีนโยบายจ่ายเงินปันผลไม่น้อยกว่า 30% ของกำไรสุทธิหลังหักภาษีเงินได้นิติบุคคล และหลังหักสำรองตามกฎหมาย และเงินสะสมอื่นๆ ตามที่บริษัทกำหนด


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ