"การที่ยอดขายเพิ่มขึ้นจนถึงระดับแสนล้านบาทได้เป็นครั้งแรก และมีกำไรสุทธิสูงสุดเป็นประวัติการณ์นั้น พบว่าเป็นการการเติบโตของบริษัทจดทะเบียนเดิม ทั้งในส่วนของยอดขายและกำไรสุทธิคิดเป็นสัดส่วน 83%ของยอดขายและกำไรสุทธิรวมทั้งหมด ในขณะที่ 17% เป็นยอดขายและกำไรสุทธิของอีก 13 บริษัทที่เข้าจดทะเบียนใหม่ในปี 2555-2556 นอกจากนี้ พบว่าบริษัทกลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม ยานยนต์ ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง สามารถทำกำไรโดดเด่น" นายชนิตร กล่าวโดยสรุป
ทั้งนี้ จากการสำรวจผลการดำเนินงานบริษัทจดทะเบียนใน mai พบ 9 บริษัทมีกำไรเติบโตเพิ่มขึ้นต่อเนื่องนับแต่ปี 2553 เป็นต้นมา ได้แก่ บมจ. ชูไก (CRANE) บมจ.อินเตอร์ลิ้งค์ คอมมิวนิเคชั่น (ILINK) บมจ. ยูบิลลี่ เอ็นเตอร์ไพรส์ (JUBILE) บมจ. ไลท์ติ้ง แอนด์อีควิปเมนท์ (L&E) บมจ. มาสเตอร์ แอด (MACO) บมจ. ควอลลีเทค (QLT) บมจ. ไซแมท เทคโนโลยี (SIMAT) บมจ.เชอร์วู้ด เคมิคอล (SWC) และ บมจ. ยูนิมิต เอนจิเนียริ่ง (UEC)
นอกจากนี้ยังพบ 6 บริษัทเข้าจดทะเบียนเข้าใหม่ปี 2554-2555 ได้แก่ บมจ. เอเชียน ไฟย์โตซูติคอลส์ (APCO) บมจ. เอ็นเนอร์ยี่เอิร์ธ (EARTH) บมจ. ไฮโดรเท็ค (HYDRO) บมจ. ปัญจวัฒนาพลาสติก (PJW) บมจ. คิวทีซี เอนเนอร์ยี่ (QTC) และ บมจ. ยูเนี่ยน อินทราโก้ (UIC) มีกำไรเติบโตต่อเนื่องเช่นกัน
ปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai 84 บริษัท ณ วันที่ 6 มีนาคม 2556 ดัชนี mai ปิดที่ระดับ 471.66 จุด มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดอยู่ที่ 184,997.97 ล้านบาท มูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยต่อวัน 3,375.05 ล้านบาท