ในไตรมาส 1/56 ราคาน้ำมันดิบดูไบมีความผันผวนสูงโดยแกว่งตัวอยู่ในช่วง 104-114 เหรียญสหรัฐ/บำร์เรล และมีราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 108 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล โดยมีปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวสูงขึ้น ได้แก่ การหยุดดำเนินงานฉุกเฉินของแหล่งผลิตน้ำมันที่ทะเลเหนือและความกังวลต่ออุปทานน้ำมันดิบจากปัญหาข้อพิพาทในตะวันออกกลางยังคงดำเนินอยู่เป็นสำคัญ อย่ำงไรก็ตามยังมีปัจจัยที่ทำให้ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงได้แก่ปัญหาวิกฤติของเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศยูโรโซนที่กลับมาสร้างความกังวลให้กับตลาดด้วย
บริษัทฯ มี Market GRM อยู่ที่ 4.37 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และมี Accounting GRM อยู่ที่ 3.73 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (รวมผลของ Stock Loss เนื่องจากราคาน้ำมันดิบที่ลดลง) ในส่วนของธุรกิจอะโรเมติกส์ ทั้งส่วนต่างราคาพำลาไซลีนกับคอนเดนเสทและส่วนต่างราคาเบนซีนกับคอนเดนเสทปรับเพิ่มขึ้นจากภาวะอุปทานที่ตึงตัวทำให้ราคาของผลิตภัณฑ์อะโรเมติกส์ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้ธุรกิจอะโรเมติกส์มี Market P2F อยู่ที่ 394 เหรียญสหรัฐ/ตัน และในส่วนกลุ่มผลิตภัณฑ์โอเลฟินส์และผลิตภัณฑ์ต่อ
เนื่องมีอัตราการผลิตและปริมาณขายโดยรวมเพิ่มขึ้นจากอัตราการผลิตที่สูงขึ้นในไตรมาส 1/56 ประกอบกับราคาผลิตภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้น โดยราคา HDPE เฉลี่ยอยู่ที่ 1,482 เหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งส่งผลทำให้บริษัทฯ รายงาน EBITDA ที่ 16,419 ล้านบาทปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 จากไตรมาส 1/55 และลดลงร้อยละ 1 จำกไตรมาส 4/55 ในขณะที่ EBITDA Margin อยู่ที่ร้อยละ 12 ในไตรมาสนี้ ทั้งนี้ Adjusted EBITDA ของไตรมาส 1/56 อยู่ที่ 16,914 ล้านบาท และมี Adjusted EBITDA margin อยู่ร้อยละ 12
ในไตรมาส 1/56 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลงจากต้นงวดที่ 108 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล มาอยู่ที่ 107 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ทำให้เกิด Stock loss และ NRV จำนวน 643 ล้านบาท ประกอบด้วย Stock loss 357 ล้ำนบำท (เป็น Stock loss ของโรงกลั่น 335 ล้านบาท โรงอะเมติกส์ 22 ล้านบาท) และ NRV loss 286 ล้านบาท ซึ่งเป็นการกลับรายการค่าเผื่อการลดมูลค่ำสินค้าคงเหลือที่ได้บันทึกไว้ในไตรมาสก่อนหน้า ทั้งนี้ปริมาณสินค้าและวัตถุดิบคงเหลือปลายงวดทั้งสิ้นรวมประมาณ 7.3 ล้านบาร์เรล
ทั้งนี้ ในไตรมาส 1/55 บริษัทฯ มี Stock gain และ NRV gain รวม 3,410 ล้านบาท และในไตรมาส 4/55 บริษัทฯมี Stock lossและ NRV loss รวม 323 ล้านบาท
ในไตรมาสนี้ บริษัทฯ มีผลกำไรจาก Commodity Hedging อยู่ที่ 148 ล้านบาท ซึ่งมีสาเหตุสำคัญมาจากการทำ Crack Spread Hedging ปริมำณ 3.9 ล้านบาร์เรล โดยราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและอะโรเมติกส์ปรับตัวลงต่ำกว่ำระดับที่บริษัทฯ ได้ทำการขายส่วนต่างราคาล่วงหน้าไว้ในไตรมาส 1/55 บริษัทฯ มีกำไรจาก Commodity Hedging รวม 95 ล้านบาทและในไตรมาส 4/55 มีกำไรจาก Commodity Hedging รวม 292 ล้ำนบำท