นายทรงพล ชัญมาตรกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TVD การร่วมลงทุนครั้งนี้ ทาง TVD จะถือหุ้นในสัดส่วนร้อยละ 40 และ CTH ถือหุ้นร้อยละ 60 ของทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท โดยบริษัทที่ตั้งขึ้นนี้จะดำเนินธุรกิจทีวี โฮมช้อปปิ้ง ผ่านโครงข่ายของ CTH ซึ่งดำเนินการออกอากาศเคเบิลทีวีทั่วประเทศไทย ตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งนับเป็นก้าวย่างที่สำคัญอีกก้าวหนึ่งของทีวี ไดเร็ค อันสอดคล้องกับยุทธศาสตร์การเติบโต โดยการเพิ่มช่องทางการขายทุกช่องทางทั้งสถานีเก่าและใหม่
ทั้ง TVD และ CTH ได้เล็งเห็นว่าธุรกิจโฮมช้อปปิ้งทางทีวีในประเทศไทยมีโอกาสขยายตัวได้อีกมาก ซึ่งจะเห็นได้จากตลาดต่างประเทศ เช่น ประเทศญี่ปุ่น ที่มีมูลค่าตลาดสูงถึงประมาณ 6 แสนล้านบาท และประเทศเกาหลีใต้ มีมูลค่าตลาดประมาณ 3 แสนล้านบาท ส่วนประเทศไทยคาดว่ามูลค่าตลาดปีนี้จะอยู่ที่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
หลังจากนี้ TVD กับ CTH จะเร่งหารือในรายละเอียดอื่นๆ ของบริษัทร่วมทุน เช่น ชื่อบริษัท คณะกรรมการบริษัท และแผนธุรกิจที่ชัดเจน เพื่อให้เริ่มธุรกิจและสร้างรายได้ตั้งแต่ครึ่งปีหลังของปีนี้เป็นต้นไป
“การตั้งบริษัทร่วมกับ CTH ครั้งนี้ สะท้อนให้เห็นว่า เราเอาจริงเอาจังกับแผนยุทธศาสตร์ 5 ปี (56-60)โดยเร่งดำเนินการตามแผนงานทั้ง 4 ด้าน คือ เสริมสร้างรายได้อย่างหลากหลายและต่อเนื่อง เสริมสร้างความแข็งแกร่งของฐานะการเงินและการจัดหาแหล่งเงินทุน เสริมสร้างความยั่งยืน และสร้างการเติบโตโดยการร่วมลงทุนกับพันธมิตรและการรวมกิจการ ซึ่งบริษัทฯ เชื่อว่าจะเป็นผลดีและจะช่วยสร้างรายได้ให้กับ TVD เติบโตอย่างต่อเนื่อง"นายทรงพล กล่าว
สำหรับเงินลงทุนในการจัดตั้งบริษัทดังกล่าว และการลงทุนตามแผนยุทธศาสตร์อื่นๆ จะได้จากการเพิ่มทุน ซึ่งก่อนหน้านี้ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 376 ล้านหุ้น เป็น 493.50 ล้านหุ้น โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 117.5 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท เสนอขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิมจำนวน 94 ล้านหุ้น ในสัดส่วน 4 หุ้นเดิมต่อ 1 หุ้นใหม่ ราคาหุ้นละ 4.50 บาท
และออกหุ้นเพิ่มทุนอีก 23.5 ล้านหุ้น เพื่อรองรับการใช้สิทธิแปลงสภาพใบสำคัญแสดงสิทธิในการซื้อหุ้นสามัญฯ (วอแรนท์) ที่บริษัทฯ จะจัดสรรให้ผู้ที่ใช้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน โดยได้รับวอแรนท์ในอัตราส่วน 4 หุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อ 1 วอแรนท์ โดยวอแรนท์ดังกล่าว มีอายุ 3 ปี สามารถใช้สิทธิแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญปีละ 2 ครั้ง ในอัตราส่วน 1 วอแรนท์ ต่อ 1 หุ้นสามัญ ที่ราคาหุ้นละ 3.50 บาท บริษัทฯ จะได้เงินเพิ่มทุนรวมทั้งหมด 505.25 ล้านบาท
ในวันที่ 3 มิ.ย.56 ตลาดหลักทรัพย์ฯ จะขึ้นเครื่องหมาย XR ซึ่งผู้ซื้อหลักทรัพย์จะไม่ได้สิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน รวมถึงเครื่องหมาย XW ซึ่งผู้ซื้อหลักทรัพย์ไม่ได้สิทธิรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหลักทรัพย์