บริษัทฯ แจ้งว่า บริษัทฯ จะทำการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้แก่นักลงทุนทั่วไปครั้งนี้ในวันที่ 19-21 มิ.ย.56 ในราคาเสนอขายหุ้นละ 21.25 บาท และกำหนดวันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ ILINK-W1 เป็นวันที่ 24 มิ.ย.56 ซึ่งจะครบกำหนดอายุการใช้สิทธิในวันที่ 23 มิ.ย.59
นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายฯ กล่าวว่า ILINK จะเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 20 ล้านหุ้น พร้อมใบสำคัญแสดงสิทธิจำนวน 10 ล้านหน่วยให้แก่ประชาชนในระหว่างวันที่ 19-21 มิ.ย.56 คาดว่าจะระดมทุนได้ประมาณ 400 ล้านบาท
และคาดว่าหุ้นเพิ่มทุนและใบสำคัญแสดงสิทธิทั้งหมดจำนวน 15 ล้านหน่วยคาดว่าจะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ในวันที่ 27 มิ.ย.56 แบ่งเป็นใบสำคัญแสดงสิทธิที่จัดสรรโดยไม่คิดมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เมื่อวันที่ 22 ก.พ.56 จำนวน 5 ล้านหน่วย และเป็นใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะเสนอขายแก่ประชาชนโดยไม่คิดมูลค่าพร้อมการเสนอขายหุ้นสามัญในครั้งนี้อีก 10 ล้านหน่วย
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะนำเงินที่ระดมทุนได้ในครั้งนี้ไปลงทุนในโครงการ Interlink Fiber Optic Network ซึ่งจะเป็นโครงการให้บริการวงจรสื่อสารความเร็วสูงบนโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสง ซึ่งบริษัทฯ ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคมแบบที่ 3 จาก กสทช. และวางแผนที่จะสร้างโครงข่ายให้ครอบคลุมทั่วประเทศภายในระยะเวลา 3 ปี และโครงการ Interlink Data Center ซึ่งจะเป็นบริการให้เช่าพื้นที่เซิร์ฟเวอร์ พื้นที่วางเซิร์ฟเวอร์ ศูนย์การให้บริการคลาวคอมพิวติ้งค์ (Cloud Computing) และศูนย์สำรองข้อมูล (Disaster Recovery) แก่องค์กรต่างๆ
นอกจากนี้ คาดว่าการเพิ่มทุนและเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนพร้อมใบสำคัญแสดงสิทธิแก่ประชาชนครั้งนี้ จะช่วยให้หุ้น ILINK มีสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นที่เพิ่มขึ้น และการนำเสนอข้อมูลแก่นักลงทุนจะช่วยให้นักลงทุนทั้งสถาบันและรายย่อยมีความเข้าใจได้ดียิ่งขึ้นในปัจจัยพื้นฐานของบริษัทฯ ที่แข็งแกร่งและศักยภาพการเติบโตทางธุรกิจที่สูง ตามการเติบโตที่แข็งแกร่งของอุตสาหกรรมโทรคมนาคม
นายมนตรี กล่าวถึงความมั่นใจในศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ จากการที่บริษัทฯ เป็นผู้จัดจำหน่ายสายเคเบิ้ลรายใหญ่ที่สุดรายหนึ่งในประเทศไทยซึ่งมีอัตราการเติบโตของรายได้จากธุรกิจจัดจำหน่ายประมาณร้อยละ 23 ต่อปีในช่วงปี 2553 ถึงปี 2555 และมีอัตรากำไรขั้นต้นเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 23 และบริษัทฯ ยังเป็นผู้ชำนาญในงานก่อสร้างระบบเคเบิลใต้ทะเล (Submarine Cable) ซึ่งเป็นงานที่ต้องอาศัยความชำนาญเป็นพิเศษและมีระดับการแข่งขันต่ำ รวมทั้งบริษัทฯ ยังมีแนวโน้มที่จะเติบโตอย่างต่อเนื่องจากโครงการ Interlink Fiber Optic Network และ Interlink Data Center
นายสมบัติ อนันตรัมพร ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ ILINK เปิดเผยว่า โครงการ Interlink Fiber Optic Network มีจุดแข็ง คือ โครงข่ายของบริษัทจะมีต้นทุนในการก่อสร้างโครงข่ายต่ำจากการเป็นผู้จัดจำหน่ายสายสัญญาณที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ และโครงข่ายของบริษัทฯ จะใช้แนวรถไฟเป็นเส้นทางหลัก ซึ่งจะมีค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าต่อการลงทุนที่สุด เนื่องจากความถี่ของเสาโทรเลขตามแนวรถไฟมีน้อยกว่าเสาไฟฟ้าตามแนวถนน ทำให้บริษัทสามารถลดภาระค่าใช้จ่ายในการพาดสายไปได้พอสมควร รวมทั้งเสาโทรเลขตามแนวรถไฟมีความปลอดภัยสูงกว่าเสาไฟฟ้าบนถนนสาธารณะ ทำให้โครงข่ายสายสัญญาณของบริษัทมีเสถียรภาพสูง รวมทั้งโครงข่ายของบริษัทจะครอบคลุมถึงอำเภอเมืองของ 72 จังหวัดทั่วประเทศ และจะเชื่อมต่อกับโครงข่ายเคเบิ้ลใยแก้วนำแสงของประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ มาเลเซีย กัมพูชา ลาว และพม่า