นายนวมินทร์ ประสพเนตร ผู้ช่วยประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าฝ่ายการตลาด MONO เปิดเผยว่า เป็นโอกาสเริ่มต้นที่ดี ที่โมโนกรุ๊ปจะจัดตั้งบริษัทที่ประเทศจีน และได้มีการจับมือกับ 3 โอเปอเรเตอร์รายใหญ่ทั้ง 3 ราย คือ China Mobile, China Unicom, China Telecom ซึ่งมีลูกค้ารวมกันมากกว่า 1,000 ล้านเลขหมาย โดยในเบื้องต้นเราจะมีการร่วมมือกันทำการตลาดที่ มณฑลยูนนาน, มณฑลซื่อชวน และมหานครฉงชิ่ง ซึ่งน่าจะครอบคลุมมากกว่า 150 ล้านเลขหมาย
ที่ผ่านมา MONO ถือเป็นผู้นำด้าน “Entertainment Content Creator" อันดับ 1 ของเมืองไทย ด้วยคอนเทนต์ต่างๆมากมาย อาทิ เพลง ดูดวง คลิปวีดีโอ แฟชั่น ภาพยนตร์ หรือ Mobile Application ต่างๆ เราจึงจับ 4 ธุรกิจหลักที่มีความแข็งแกร่งที่สุด เพื่อทำการตลาดในประเทศจีน คือธุรกิจโมบาย, อินเตอร์เน็ต, มิวสิค, ภาพยนตร์ โดยโมโนมีฐานลูกค้าผู้ใช้บริการเสริมบนมือถืออยู่ที่ 11 ล้านราย จาก 3 โอเปอเรเตอร์ในไทย เอไอเอส ดีแทค ทูมูฟ รวมทั้งหมด 80 ล้านเลขหมาย
ในขณะที่ผ่านมาเราได้ดำเนินการขายยธุรกิจไปแล้วในกลุ่มประเทศ AEC ทั้งประเทศเวียดนามที่มีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประมาณ 135 ล้านเลขหมาย และประเทศอินโดนีเซียที่มีผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ประมาณ 250 ล้านเลขหมาย ซึ่งคาดว่าจำนวนลูกค้าจะเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะ จีน เวียดนาม อินโดนีเซีย 3 ประเทศนี้มีสภาพแวดล้อมในการทำธุรกิจไม่ต่างจากประเทศไทยมากนัก
ในช่วงแรกคอนเทนต์มิวสิค เราจะมีศิลปินกลุ่มทีป๊อป อาทิ อีโวไนน์ แคนดี้มาเฟีย จีทเวนตี้ เข้าไปทำการตลาดที่ประเทศจีน และในระยะยาวจะมีการสร้างศิลปินใหม่ที่ประเทศจีนด้วย โดยรายได้หลักมาจากแพลตฟอร์มดิจิตอล นอกจากนี้ ภาพยนตร์เรื่อง“พี่มากพระโขนง"จากค่ายหนัง GTH ซึ่งถือเป็นภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากด้วยรายได้ในประเทศไทยกว่า 1,000 ล้านบาท โดยโมโนกรุ๊ปได้ซื้อลิขสิทธิ์ภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวเพื่อเข้าโรงฉายภาพยนตร์และจัดจำหน่ายในทุกๆแพลตฟอร์มที่ประเทศจีนด้วย
"ที่ผ่านมา MONO เน้นจับมือกับพันธมิตรที่มีความแข็งแกร่ง ในประเทศจีนถือว่าเรามีโอกาสค่อนข้างสูงด้วยคอนเทนต์คุณภาพของเรา และจีนเองก็มีแนวโน้มด้านเศรษฐกิจที่เอื้อต่อการลงทุน ทั้งด้วยจำนวนประชากร และการเปิดประเทศมากขึ้น นี่จึงถือเป็นตลาดใหญ่ที่สำคัญอีกแห่งที่เราพร้อมจะเข้าไปลงทุนและจะเป็นตัวสำคัญที่จะทำให้รายได้ของ MONO เติบโตอย่างก้าวกระโดด"นายนวมินทร์ กล่าว