นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ BBL กล่าวว่า ผลประกอบการครึ่งปีแรกของธนาคารอยู่ในระดับที่น่าพอใจ สินเชื่อยังคงมีการขยายตัวได้ดี โดยมีแรงส่งสำคัญจากการขยายการลงทุนของลูกค้าธุรกิจรายใหญ่และลูกค้าธุรกิจรายกลางและรายปลีก ทั้งที่เป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มหรือปรับปรุงกำลังการผลิตและเพื่อขยายกิจการ
ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 ธนาคารมีเงินให้สินเชื่อจำนวน 1,666,426 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62,035 ล้านบาท หรือร้อยละ 3.9 จากสิ้นปี 2555 และเพิ่มขึ้น 124,913 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.1 จากสิ้นเดือนมิถุนายน 2555 โดยเพิ่มขึ้นจากลูกค้าทุกกลุ่มทั้งลูกค้าธุรกิจรายใหญ่ ลูกค้าธุรกิจรายกลางและรายปลีก และลูกค้าบุคคลในด้านคุณภาพสินเชื่อ ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 สินเชื่อด้อยคุณภาพมีจำนวน 44,524 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 2.4 ต่อเงินให้สินเชื่อรวม
ธนาคารยังคงให้ความสำคัญกับแนวทางการบริหารฐานะการเงินด้วยความรอบคอบ และการตั้งสำรองอย่างสม่ำเสมอ ธนาคารมีค่าใช้จ่ายหนี้สูญ หนี้สงสัยจะสูญ และขาดทุนจากการด้อยค่าสำหรับครึ่งแรกปี 2556 จำนวน 5,120 ล้านบาท โดยเป็นค่าใช้จ่ายในไตรมาสนี้ จำนวน 3,379 ล้านบาท ส่งผลให้ธนาคารมีสัดส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพที่ร้อยละ 206.1 และมีสัดส่วนสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อที่ร้อยละ 5.5
ด้านสภาพคล่อง เงินฝากของธนาคารเพิ่มขึ้นอีก 39,588 ล้านบาทจากสิ้นเดือนมีนาคม 2556 ทำให้ ณ สิ้นไตรมาส 2 ธนาคารมีเงินฝากรวมทั้งสิ้น 1,872,696 ล้านบาท และมีอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อเงินรับฝากที่ร้อยละ 89.0
ธนาคารมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิลดลงจากร้อยละ 2.49 ในครึ่งหลังปี 2555 เป็นร้อยละ 2.41 ในครึ่งแรกปี 2556 การที่ธนาคารมีส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยลดลง ส่วนหนึ่งเป็นผลจากอัตราผลตอบแทนจากการปล่อยสินเชื่อและอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในรายการระหว่างธนาคารและตลาดเงินลดลง
รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิในครึ่งแรกปี 2556 มีจำนวน 10,910 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,532 ล้านบาท หรือร้อยละ 16.3 จากช่วงเดียวกันปีที่แล้ว โดยรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการที่มีการเติบโตสูงยังคงมาจากบริการกองทุนรวมและบริการประกันชีวิตผ่านธนาคาร
ครึ่งแรกปี 2556 ธนาคารมีกำไรสุทธิจากเงินลงทุนจำนวน 1,985 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,282 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันปี 2555 ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานของธนาคารในครึ่งปีแรกมีจำนวน 17,709 ล้านบาท ลดลง 299 ล้านบาท หรือร้อยละ 1.7 จากช่วงเดียวกันปี 2555
ทั้งนี้ ธนาคารมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับพนักงานเพิ่มขึ้น 1,040 ล้านบาทหรือร้อยละ 11.0 เนื่องจากจำนวนพนักงานเพิ่มขึ้นและการปรับเงินเดือนประจำปี อย่างไรก็ตามในไตรมาส 2 ปีนี้ธนาคารได้ประโยชน์จากการกลับรายการประมาณการผลขาดทุนจากการโอนทรัพย์สินด้อยคุณภาพให้บรรษัทบริหารสินทรัพย์ไทย (บสท.) ส่งผลให้ในงวดแรกปีนี้ธนาคารมีอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานคิดเป็นร้อยละ 37.8 เทียบกับร้อยละ 41.9 ของช่วงเดียวกันปีที่แล้ว
ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2556 ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ประกาศใช้หลักเกณฑ์การกากับดูแลเงินกองทุนตามแนวทางบาเซิล 3 โดย ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2556 ธนาคารมีอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้น เงินกองทุนชั้นที่ 1 และเงินกองทุนชั้นที่ 1 ที่เป็นส่วนของเจ้าของ ตามหลักเกณฑ์ของธนาคารแห่งประเทศไทย อยู่ในระดับประมาณร้อยละ 16.4 ร้อยละ 13.9 และร้อยละ 13.9 ตามลำดับ
ส่วนของเจ้าของ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2556 มีจำนวน 283,090 ล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 11.4 ของสินทรัพย์รวม และมูลค่าตามบัญชีเท่ากับ 148.30 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 5.80 บาท จาก ณ สิ้นปี 2555