ทั้งนี้ บริษัทชี้แจงผลประกอบการไตรมาส 3/56 และงวด 9 เดือนแรกของปี 56 ว่า ในไตรมาส 3/56 เอสซีจีมีกำไรสำหรับงวดเท่ากับ 9,793 ล้านบาท เพื่มขึ้น 53% จากงวดเดียวกันของปีก่อน เป็นผลมาจาก Margin และปริมาณการขายของธุรกิจเคมีภัณฑ์ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ปริมาณความต้องการซีเมนต์ในประเทศเพิ่มสูงขึ้น และในไตรมาสนี้กำไรจากรายการที่ไม่เกิดขึ้นเป็นประจำ 1,701 ล้านบาท มาจากกำไรจากการปรับมูลค่าเงินลงทุนในบริษัท สยามซานิทารีแวร์ จำกัด และบริษัท สยามซานิทารีฟิตติ้งส์ จำกัด ให้เป็นมูลค่ายุติธรรม 1,527 ล้านบาท และมีกำไรจากการขายเงินลงทุนในบริษัท โตโต้ แมนูแฟคเจอริ่ง (ประเทศไทย) จำกัด ให้กับ TOTO Group 174 ล้านบาท
เอสซีจีมี EBITDA เท่ากับ 15,329 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นของธุรกิจเคมีภัณฑ์และธุรกิจซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง และมีรายได้จากการขายเท่ากับ 113,859 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 9% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการเติบโตของทุกธุรกิจในเอสซีจีเมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน กำไรสำหรับงวดลดลง 1% เนื่องจากในไตรมาสที 2 เป็นช่วงที่มีรายได้เงินปันผลรับจากเอสซีจี การลงทุนในส่วนงานอื่น ส่งผลให้ EBITDA ลดลง 11% จากไตรมาสก่อน ในขณะที่รายได้จากการขายเพิ่มขึ้น 7% จากไตรมาสก่อนตามการเติบโตของทุกธุรกิจ
ผลการดำเนินงานในช่วง 9 เดือนของปี 56 เอสซีจีมีกำไรสำหรับงวด 28,513 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก Margin และปริมาณการขายของธุรกิจเคมีภัณฑ์ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และปริมาณความต้องการซีเมนต์ในประเทศเพิ่มสูงขึ้น โดยเอสซีจีมี EBITDA เท่ากับ 45,491 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 34% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการขายเท่ากับ 329,839 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ตามการเติบโตของทุกธุรกิจในเอสซีจี