การซื้อบริษัทดังกล่าวมีมูลค่าประมาณ 1,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา เป็นสัดส่วนของ ปตท.สผ. ประมาณ 650 ล้านดอลลาร์สหรัฐอเมริกา โดย ปตท.สผ. จะชำระมูลค่าการซื้อขายจำนวนดังกล่าวด้วยเงินสดที่มีอยู่ ทั้งนี้การซื้อขายจะเสร็จสิ้นเมื่อเป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันไว้ ตามที่ระบุใน SPAs โดยการซื้อขายสำหรับโครงการ Natuna Sea A คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในสิ้นปีนี้ และสำหรับโครงการ Pangkah คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/57
โครงการ Pangkah ตั้งอยู่ฝั่งตะวันออกของทะเลชวา ประเทศอินโดนีเซีย ปัจจุบันมีอัตราการผลิตน้ำมันดิบและก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) ประมาณ 7,000 บาร์เรลต่อวัน และอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 33 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน โดยมีปริมาณสำรองปิโตรเลียม 2P จำนวน 110 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ เมื่อสัญญามีผลสมบูรณ์ ปตท.สผ.และบริษัท Pertamina จะร่วมกันเป็นผู้ดำเนินการ โดยมีผู้ร่วมทุนคือบริษัท Saka Energi ซึ่งมีสัดส่วนการร่วมทุนร้อยละ 25
โครงการ Natuna Sea A ตั้งอยู่ฝั่งตะวันตกของทะเล Natuna ระหว่างประเทศมาเลเซียกับประเทศอินโดนีเซีย ปัจจุบันมีอัตราการผลิตก๊าซธรรมชาติประมาณ 220 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน และอัตราการผลิตน้ำมันดิบประมาณ 2,350 บาร์เรลต่อวัน โดยมีปริมาณสำรองปิโตรเลียม 2P* จำนวน 209 ล้านบาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบ กลุ่มผู้ร่วมทุนของโครงการ Natuna Sea A ประกอบด้วย บริษัท Premier Oil (ผู้ดำเนินการ) บริษัท KUFPEC และบริษัท Petronas ในสัดส่วนการร่วมทุนร้อยละ 28.67, 33.33 และ 15 ตามลำดับ
การเข้าซื้อสัดส่วนในโครงการ Pangkah และ โครงการ Natuna Sea A นั้นเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์การเติบโตของ ปตท.สผ. ที่เน้นการแสวงหาสินทรัพย์ที่อยู่ในขั้นตอนการผลิตแล้ว (Producing Assets)ซึ่งจะสามารถเพิ่มรายได้ อัตราการเติบโตของปริมาณการผลิต และปริมาณสำรองปิโตรเลียมให้กับบริษัทฯได้ทันที และเป็นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับฐานการผลิตในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทั้งนี้ ปตท.สผ.และ Pertamina ซึ่งเป็นบริษัทน้ำมันแห่งชาติของประเทศไทย และอินโดนีเซียมีประสบการณ์ในการพัฒนาและผลิตปิโตรเลียมในภูมิภาค ทำให้เชื่อมั่นว่าโครงการจะประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง