ทั้งนี้ ใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 หน่วย สามารถใช้สิทธิซื้อหุ้นสามัญได้ 1 หุ้น ในราคาหุ้นละ 7 บาท/หุ้น อายุไม่เกิน 5 ปี 3 เดือน
พร้อมทั้งอนุมัติให้มีมติบริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียน จากทุนจดทะเบียนเดิม 3,027,615,570 บาท ทุนจดทะเบียนชำระแล้ว 2,964,123,889 บาท ให้เป็นทุนจดทะเบียนไม่เกิน 4,439,103,137 บาท โดยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่เป็นจำนวนไม่เกิน 1,411,487,567 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท และเสนอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติให้เพิ่มทุนจดทะเบียนและจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนเพื่อรองรับการใช้สิทธิตามใบสำคัญแสดงสิทธิของบริษัท
นายขจรพงศ์ คำดี กรรมการผู้จัดการ EARTH กล่าวว่า วอแรนต์ดังกล่าวจะเข้าซื้อขายในกำหนดการใช้สิทธิได้ในวันที่ 15 มีนาคม และ 15 กันยายนของแต่ละปี ซึ่งในปีแรกผู้ถือหุ้นไม่ต้องจ่ายเงินในการแปลงวอแรนต์เป็นหุ้นสามัญ โดยเริ่มใช้สิทธิครั้งแรกในวันที่ 15 มีนาคม 2559 และครั้งสุดท้ายวันที่ 15 กันยายน 2562 และหากผู้ถือหุ้นมีการแปลงวอแรนต์ทั้งหมดเป็นหุ้นสามัญ จะส่งผลทำให้บริษัทฯได้รับเงินสดจากการออก EARTH-W4 ครั้งนี้รวมเป็นเงินทั้งสิ้นประมาณ 9,880.0 ล้านบาท
"การออกวอแรนต์ในครั้งนี้ ถือเป็นช่องทางการระดมทุนที่เหมาะสมส่วนหนึ่งเพื่อรองรับ EARTH-W4 ที่จะมีการจัดสรรให้กับกับผู้ถือหุ้นเดิม ขณะเดียวกันยังจะนำเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัทและสำรองเพื่อใช้เป็นเงินลงทุนในอนาคต ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าหลักทรัพย์ และทำให้โครงสร้างเงินทุนของบริษัทมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น โดยเชื่อว่าน่าจะได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้ถือหุ้น"นายขจรพงศ์ กล่าว
ทั้งนี้ จะกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/57 จะขึ้นเครื่องหมาย XM ในวันที่ 27 พฤษภาคม 57, (Record Date) ในวันที่ 29 พฤษภาคม 57 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของ พระราชบัญญัติตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นในวันที่ 30 พฤษภาคม 57 เพื่อกำหนดสิทธิของผู้ถือหุ้นในการเข้าร่วมประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/57 และเสนอให้กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการรับใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญของบริษัทฯ รุ่นที่ 4 (EARTH-W4) จะขึ้นเครื่องหมาย XW ในวันที่ 2 กรกฏาคม 57, (Record Date) ในวันที่ 4 กรกฏาคม 57 และให้รวบรวมรายชื่อตามมาตรา 225 ของพระราชบัญญัติหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ พ.ศ. 2535 โดยวิธีปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 7 กรกฏาคม 57 โดยกำหนดวันประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/57 ในวันที่ 24 มิถุนายน 57
สำหรับทิศทางผลการดำเนินงานไตรมาส 2/57 นายขจรพงศ์ คาดว่า จะยังขยายตัวได้อย่างต่อเนื่องจากไตรมาสแรก ที่มีกำไรสุทธิ 209.74 ล้านบาท ส่วนรายได้จากการขายอยู่ที่ 2,648.71 ล้านบาท เนื่องจากเน้นมาจัดจำหน่ายถ่านหินให้กับกลุ่มค้าปลีกภายในประเทศมากขึ้นโดยคิดเป็นสัดส่วน 51%ของยอดขายรวมทั้งหมด ขณะที่ราคาถ่านหินจะเริ่มปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามความต้องการของตลาด โดยเฉพาะผู้บริโภคถ่านหินรายใหญ่ในภูมิภาคทั้งประเทศจีนและอินเดียจะมีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งบริษัทตั้งเป้าปริมาณการจัดจำหน่ายถ่านหินปี 57 ไว้ที่ 9 ล้านตัน